“ศาลฎีกา”พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก "อริสมันต์” พร้อมแกนนำ นปช.รวม 12 คน คดีบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 2552 โดยไม่รอลงอาญา พร้อมสั่งออกหมายจับ หลังผู้ต้องหาไม่มาฟังคำตัดสิน เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ก.ย.62 ศาลจังหวัดพัทยา นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. กับพวก บุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2552 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่ ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุกนายอริสมันต์ กับพวก เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา โดยคดีดังกล่าวอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับพวกในข้อหาร่วมกันขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ไม่ให้มีการชุมนุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไป และผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)จราจร พ.ศ.2522 ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มี.ค.58 ศาลจังหวัดพัทยาซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้พิพากษาตัดสินจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทั้งนี้จำเลยในคดีนี้ ประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง , นายนิสิต สินธุไพร , นายพายัพ ปั้นเกตุ , นายวรชัย เหมะ , นายวันชนะ เกิดดี , นายพิเชฐ สุขจินดาทอง , นายศักดิ์ดา นพสิทธิ์ , พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ , นายนพพร นามเชียงใต้ , นายสำเริง ประจำเรือ , นายสมยศ พรหมมา , นพ.วัลลภ ยังตรง และนายสิงห์ทอง บัวชุม สำหรับเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่ม นปช. เมื่อเดือน เม.ย.52 นายอริสมันต์เป็นแกนนำผู้ชุมนุมที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยนำผู้ชุมนุมทั้งจากจังหวัดใกล้เคียงและที่สมทบจากกรุงเทพฯ เพื่อปิดล้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.52 ได้เข้าปิดล้อมหน้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เพื่อเข้ายื่นหนังสือกับตัวแทนอาเซียน และในวันต่อมาได้กลับมาชุมนุมหน้าโรงแรมอีกครั้ง เพื่อกดดันรัฐบาลให้รับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ปะทะกับกลุ่มคนสวมเสื้อสีน้ำเงิน ในช่วงเช้า จนกระทั่งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุม ขอเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด แล้วพาผู้นำประเทศต่างๆ เดินทางออกจากสถานที่ประชุม และขึ้นเครื่องบินกลับโดยทันที โดย ศาลจังหวัดพัทยา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก นายอริสมันต์ และพวกรวม 12 คน ยกเว้นนายสมญศฆ์ พรมมา เนื่องเพราะเป็นมวลชน ไม่ใช่แกนนำในการปลุกระดมให้กระทำการรุนแรง เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมกับออกหมายจับจำเลยทั้งหมดที่ได้รับการลงโทษแต่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเพียงนายศักดิ์ดา นพฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ และเป็นจำเลยที่ 10 เดินทางมาศาลเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น