จากกรณีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 50 ปี สูง 160 เซนติเมตร ใช้อาวุธปืนจี้บังคับพนักงานร้านทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็ง ฝั่งธนบุรี พร้อมข่มขู่เขียนใส่ในกระดาษ ระบุว่า น้ำกรดและให้อยู่ในความสงบ ก่อนยื่นถุงผ้าให้พนักงานหยิบทองใส่อย่างใจเย็น โดยคนร้ายได้ทองรูปพรรณไปน้ำหนักรวม 179 บาท มูลค่ากว่า 4,060,000 บาท พร้อมเงินสดอีก 40,000 บาท ก่อนขับขี่รถยานยนต์หลบหนีไป เมื่อวันที่ 6 ก.ย.62 พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผบช.น.พร้อมตำรวจ สน.บางพลัด เข้าตรวจสอบภายร้านทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็ง ฝั่งธนบุรี พร้อมเปิดเผยว่า ตอนนี้ตำรวจมีเบาะแสของคนร้ายแล้ว โดยเฉพาะแผนประทุษกรรมของคนร้ายพบว่าก่อนก่อเหตุได้เดินทางมาดูลาดเลา ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กระทั่งวันเกิดเหตุได้มานั่งทานอาหารใกล้ร้านทอง ซึ่งจากการตรวจสอบพบกระดาษที่คนร้ายใช้ข่มขู่ เป็นใบสั่งอาหารจากร้านอาหารดังกล่าว ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านงามวงวานเมื่อปี 2557 หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ฝ่ายสืบสวนพบว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าขา ถนนสิรินธรขาออก ก่อนเลี้ยวซ้ายไปยังมุ่งหน้าสะพานปิ่นเกล้า และเลี้ยวซ้ายตรงแยกสะพานพระราม8 ด้านนางสาวมะลิ มั่นจิตร พนักงานร้านเปิดเผยว่า ตัวเองทำงานได้เพียง 2 เดือน จึงรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นเนื้องจากคนร้ายมีพฤติกรรมใจเย็น เข้ามาใช้อาวุธปืนมาข่มขู่ พร้อมบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ทองพวกนี้ไม่ใช่ของคุณ ก่อนหยิบกระเป๋าผ้าที่เตรียมมา ให้ใส่ทอง หากช้าจะเอาน้ำกรดสาด ทำให้รู้กลัวจึงตัดสินใจหยิบทองให้ไป โดยพบว่าเมื่อวันที่ 2 กันยายน คนร้ายได้ทำทีเป็นเข้ามาติดขอซื้อทอง ด้วยการเลือกทองคำหลายเส้น แต่ไม่ตัดสินใจซื้อ โดยยืนยันคนร้ายใช่ภาคกลางในการสื่อสาร คาดว่าคนร้ายไม่ได้เป็นมืออาชีพ เนื่องจากขณะก่อเหตุมีอาการมือไม้สั่น ส่วนปืนจะเป็นของจริงหรือปลอมไม่ทันได้สังเกต อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าชุดสืบสวนนครบาล 7 ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย 1 คนได้ที่บริเวณพื้นที่สน.ท่าพระ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำและขยายผล