“กลุ่มเซ็นทรัล” เขย่าวงการบิวตี้ เปิดตัว “คิส บิวตี้ สโตร์” เจาะตลาดมิลเลเนียลส์ เจาะตลาดมิลเลเนียลส์ พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปีเปิด 30 สาขา โกยยอดขาย 3,500 ล้านบาท นางสาวธาพิดา นรพัลลภ กรรมการผู้จัดการ “คิส บิวตี้ สโตร์” (KIS BEAUTY STORE) ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจ ตลาดเครื่องสำอางของโลก พบว่า ในปี2561 มีมูลค่าประมาณ 15 ล้านล้านบาท โตขึ้นจากปี2560 คิดเป็น 4% ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทย ปี2561 มีมูลค่ารวมกว่า 2.2 แสนล้านบาท โตขึ้นปี 2560 อยู่ที่ 7.4% โดยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หากเจาะเฉพาะผลิตภัณฑ์ความงามของไทย จะพบสัดส่วนแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ 39%, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย 31%, ผลิตภัณฑ์ผม 14%,  เครื่องสำอาง 12%   และน้ำหอม 4% โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 25 – 34 ปี หรือกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลส์ ซึ่งอยู่ในช่วงวัยเริ่มทำงาน ครองสัดส่วนถึง 43% ต่อยอดขายทั้งมูลค่าและปริมาณ และเมื่อผนวกเข้ากับกลุ่มคนเจเนอเรชั่นแซด จะยิ่งได้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจากสถิติที่กล่าวมา ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสที่จะเปิดตลาดเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่นี้ ด้วยการเปิดตัว “คิส บิวตี้ สโตร์” (KIS BEAUTY STORE) บิวตี้ สโตร์ แห่งใหม่ของเมืองไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ดิ อัลติเมต บิวตี้ เดสทิเนชั่น ถือเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล ที่ตอบไลฟ์สไตล์ของสาวยุคใหม่ ที่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียลส์ชาวไทย 85% และต่างชาติ 15% ทั้งนี้บริษัทได้ประเดิมเปิดสาขาแรกไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และยังมีแผนขยาย เปิดเพิ่มอีก 2 สาขาภายในปี 2019 ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และห้างสรรพสินค้าเซน ด้วยใช้งบลงทุน 170 ล้านบาท โดยภายในร้าน “คิส บิวตี้ สโตร์” ประกอบด้วย 5 โซนหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เคาน์เตอร์แบรนด์ชั้นนำ (Iconic Brands) เครื่องสำอาง (Makeup) ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ (Skincare) น้ำหอม (Fragrances) และพื้นที่จัดกิจกรรม (Live Studio) โดยมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายในบิวตี้สโตร์คิดเป็น เครื่องสำอาง 60% ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ 30% และน้ำหอม 10% โดยมีผลิตภัณฑ์ความงามกว่า 800 แบรนด์ และมีมากกว่า 80,000 ไอเท็ม สำหรับเป้าหมายของยอดขายในสิ้นนี้หลังจากเปิดสาขาแรกไปคาดว่าจะอยู่ที่กว่า 150 ล้านบาท พร้อมวางเป้าภายใน 5 ปี หรือปี 2566 จะเปิดสาขาให้ครบ 30 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต ป่าตอง เชียงใหม่ ฯลฯ ด้วยเป้ายอดขายรวมถึง 3,500 ล้านบาท