ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ การทัวร์ Reputation Stadium Tour ในอเมริกา จากพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน 2018 ของ เทย์เลอร์ สวิฟท์ ทำลายสถิติเก่าๆของศิลปินอื่นกระจุยกระจาย ทำรายได้ถึง 266.1 ล้านเหรียญ มากกว่า 245 ล้านเหรียญที่ เดอะ โรลลิ่ง สโตนส์ เป็นเจ้าของสถิติจากการทัวร์ A Bigger Bang Tour ในปี 2005–2007 ทั้งที่ใช้เวลาน้อยกว่ากันมากนัก และการทัวร์ทั่วโลกต่อเนื่องจากทัวร์ในอเมริกา เธอทำเงินถึง 345.7 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทย 1 หมื่นกว่าล้านบาท! แต่อัลบั้ม Reputation ก็เป็นอัลบั้มสุดท้ายของเธอภายใต้สัญญา 12 ปีกับ บิ๊ก แมชีน เรคอร์ดส์ และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 สวิฟท์ เซ็นสัญญาใหม่กับ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายผลงานให้กับ บิ๊ก แมชีน ในอเมริกา เรียกว่าการเซ็นสัญญาคราวนี้ เธอก้าวข้ามไปสู่บริษัทที่ใหญ่กว่า โดยเธอจะถูกโปรโมทภายใต้นาม รีพับลิค เรคอร์ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ยูนิเวอร์แซล สวิฟท์ ในวัย 30 ปี แสดงความแหลมคมในการทำธุรกิจของเธอ เมื่อเงื่อนไขสำคัญในการเซ็นสัญญากับ ยูนิเวอร์แซล คือ เธอจะเป็นเจ้าของมาสเตอร์บันทึกเสียงทุกอัลบั้มที่ออกกับต้นสังกัด ตั้งแต่ต้นปี 2019 เธอทยอยปล่อยซิงเกิ้ลออกมาแล้ว 4 เพลง: "Me!", "You Need to Calm Down", "The Archer" และ "You Need to Calm Down" ตามด้วยอัลบั้มใหม่ล่าสุด Lover ซึ่งออกวางขายสัปดาห์แรกก็ขึ้นไปติดอันดับ 1 บนตารางอันดับอัลบั้ม บิลล์บอร์ด 200 ทันที ด้วยยอดขายกว่า 679,000 ชุด และรับคำวิจารณ์ในแง่บวกอีกด้วย เทย์เลอร์ สวิฟท์ ออกอัลบั้มแรก Taylor Swift ตั้งแต่อายุ 17 ปี เธอโด่งดังทันทีในแวดวงคันทรี่ และอัลบั้มถัดมา Fearless เธอก็ข้ามเขตเก็บเกี่ยวความนิยมในตลาดปป็อปที่ใหญ่กว่าได้สำเร็จ หลังจากนั้นอัลบั้มที่ตามมา Speak Now (2010) และ Red (2012) ยังมีการผสมผสานของคันทรี่อยู่ด้วย แต่พอถึงอัลบั้มที่ 5 และ 6 คือ 1989 (2014) และ Reputation (2017) สวิฟท์ ก็กลายเป็นศิลปินป็อปเต็มตัว อัลบั้มทั้งหกชุดที่ผ่านมาของเธอ พูดได้ว่าไม่มีชุดใดล้มเหลว เธอขายอัลบั้มรวมแล้วมากกว่า 50 ล้านชุด ความสามารถของ สวิฟท์ นั้น นอกจากการแต่งเพลงที่เข้าถึงหัวใจผู้ฟังด้วยเรื่องราวชีวิตง่ายๆ, ร้องเพลงได้ดีเยี่ยม และหน้าตาสะสวย เธอยังกำหนดทิศทางของแต่ละอัลบั้มด้วยตัวเอง รวมถึงสร้างสรรค์รูปแบบคอนเสิร์ทในการทัวร์แต่ละครั้ง และชาญฉลาดกับจังหวะในการใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ เดือนมิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา บิ๊ก แมชีน เรคอร์ดส์ ต้นสังกัดเก่าของ สวิฟท์ ถูกผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร สก็อตต์ บอร์เช็ตต้า นำออกขายให้บริษัท อิธาก้า โอลดิ้งส์ ของ สกูเตอร์ บรอน โดยที่ บอร์เช็ตต้า ยังรั้งตำแหน่งบริหารและมีหุ้นอยู่ด้วย สวิฟท์ เปิดเผยว่า เธอเคยเจรจาขอซื้อมาสเตอร์ผลงานของเธอทั้งหมดจาก บิ๊ก แมชีน แต่ถูกปฏิเสธโดย บอร์เช็ตต้า รวมถึงเคยถูก บรอน กลั่นแกล้งหลายครั้ง เมื่อขอซื้อผลงานคืนไม่ได้ สาวมั่นอย่าง สวิฟท์ ก็แสบสันต์พอ เธอประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมที่เพิ่งผ่านมาว่า เธอเตรียมจะบันทึกเสียงอัลบั้มทั้งหมด 6 ชุดแรกของเธอใหม่หมดในเดือนพฤศจิกายน 2020 เพราะยังไงเพลงก็เป็นของเธอ ระหว่างนี้แฟนๆก็รอดูเธอรับบท บอมบาลูริน่า ในหนังเรื่อง Cats ที่ดัดแปลงจากละครเพลงของ แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์ ซึ่งจะออกฉายในเดือนธันวาคม 2019 นี้ หาก สวิฟท์ ทำตามความตั้งใจของเธอสำเร็จในปีหน้า เธออาจจะกลายเป็นตัวอย่างของศิลปินอีกมากมายที่ถูกต้นสังกัดเอาเปรียบในข้อสัญญา และนั่นจะยิ่งบอกชัดว่า การติดอันดับ 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง ไทม์ ในปี 2010, 2015 และ 2019 ของเธอ ไม่ได้มาด้วยโชคช่วย บิ๊ก แมชีน คงไม่คิดว่า สวิฟท์ จะออกมาไม้นี้ และอาจจะประเมินพิษสงอดีตเด็กสาววัยรุ่นหน้าใสที่พวกเขาเคยเซ็นสัญญาไว้ถึง 12 ปี...ต่ำเกินไป