ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมนายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ศ.ดร.วรรณา ชูฤทธิ์ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการสังคม ร่วมเปิดตัว “ศูนย์นวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ภาคใต้ตอนบน Innovation Hub” สนับสนุนการกระจายรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวหลักสู่ชุมชนและสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศ ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ณ ห้อง Innovation อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีและนวัตกรรม ศ.ดร.สมบัติกล่าวว่า ม.วลัยลักษณ์มีนโยบายชัดเจนในการก้าวไปสู่มหาวิทยาลัยวิจัยสมบูรณ์แบบ เพื่อตอบสนองนโยบายประเทศไทย 4.0 ในส่วนของศูนย์นวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ภาคใต้ตอนบน Innovation Hub จะเป็นศูนย์กลางบูรณาการศาสตร์ต่างๆ ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสถาบัน หน่วยงานและชุมชน เพื่อสร้างการบริการวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม รับใช้สังคม ชุมชน และร่วมกันนำทรัพยากรท้องถิ่นที่มีอยู่ภาคใต้ตอนบนมาสร้างมูลค่า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศต่อไป นายภาคภูมิ รองผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จังหวัดยินดีที่จะร่วมสนับสนุนโดยเฉพาะงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการต่อยอดนวัตกรรมจากฐานทรัพยากรที่มี เพื่อเพิ่มรายได้ของประชาชน เชื่อว่าหากสามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนกินดีอยู่ดี ปัญหาสังคมต่างๆ ก็จะลดลงตาม ด้านศ.ดร.วรรณา กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) อนุมัติให้เครือข่ายบริหารการวิจัยภาคใต้ตอนบน โดยม.วลัยลักษณ์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาแม่ข่าย เพื่อดำเนินโครงการศูนย์กลางนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศ ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 กลุ่มเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ทั้งสิ้น 17,460,000 บาท บนเนื้อที่กว่า 205 ตารางเมตร ออกแบบให้เป็นพื้นที่ห้องแกลลอรี่ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ติดต่อประสานงาน พบปะระหว่างผู้ประกอบการ เอเจนซี่ต่างๆ ในลักษณะ Co – Working Space มีเวทีจัดกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ กลไกการทำงานของศูนย์ฯ ยังสามารถสร้างการทำงานแบบบูรณาการศาสตร์ต่างๆ ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสถาบัน หน่วยงานและชุมชน เพื่อสร้างการบริการวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม รับใช้สังคม ชุมชน และร่วมกันนำทรัพยากรท้องถิ่นที่มีอยู่ในภาคใต้ตอนบนมาสร้างมูลค่าขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปตามภารกิจโครงการ เพื่อสนับสนุนด้านท่องเที่ยวโดยมีเป้าหมายกระจายรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวหลักสู่ชุมชน