วันที่ 5 ก.ย. 62 ตามที่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) หรือ สทน. ได้ดำเนินโครงการสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ขนาด 20 เมกะวัตต์ มูลค่า 16,000 ล้านบาทขึ้น ณ ต.ทรายมูล อ.องค์รักษ์ จ.นครนายก โดยพยายามใช้เล่ห์ฉลในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายมาแล้วถึง 2 ครั้ง เช่น การแจกเงินและผ้าห่มให้กับผู้มาร่วมเวที อันขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน 2548 ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และได้รับการต่อต้านจากประชาชนในจังหวัดนครนายกมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น พื้นที่ตั้งของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นที่เสี่ยง ขัดต่อหลักเกณฑ์ที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA กำหนดไว้ อาทิ ที่ตั้งต้องไม่อยู่ในแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก ต้องไม่อยู่ในที่ลุ่มน้ำท่วมถึง ระบบน้ำใต้ดินต้องอยู่ลึก พื้นที่ดินต้องไม่อ่อนตัว และห้ามอยู่ใกล้ชุมชน ซึ่งพื้นที่ของอำเภอองค์รักษ์ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่แก้มลิง รองรับน้ำป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯมาตั้งแต่ปี 2554 และในรัศมี 5 กม. จากที่ตั้งโครงการล้วนมีชุมชนอาศัยกันอยู่อย่างหนาแน่น มีวัด โรงเรียน สถาบันการศึกษา โรงพยาบาลมากมาย อาทิ มศว. โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ โรงพยาบาลองค์รักษ์ โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครนายก วิทยาลัยการอาชีพ ฯลฯ ทั้งนี้ประเทศไทยเคยมีบาดแผลที่เจ็บปวดจากการแพร่กะจายของวัสดุกัมมันตรังสี โคบอลล์-60 มาแล้วเมื่อต้นปี 2543 สร้างความตื่นตระหนก เสียขวัญให้กับประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก อันมีผลมาจากการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กระทั่งบัดนี้ภาครัฐก็ยังไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อผู้เสียหายที่เสียชีวิตไปหลายราย และถ้าเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้มาเกิดขึ้นที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์องค์รักษ์ อะไรจะเกิดขึ้น หากเกิดความวิบัติของวิถีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแม่น้ำนครนายกที่อยู่ใกล้เพียง 600 เมตรเท่านั้น ใครจะรับผิดชอบ การดำเนินโครงการในลักษณะดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.57 และ ม.58 ประกอบ ม.72(1) ประกอบ ม.51 และ ม.52 ของ พรบ.นิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 โดยชัดแจ้ง ซึ่งสมาคมฯและชาวนครนายกไม่อาจยอมรับได้ จึงได้รวมตัวกันแสดงพลังกันครั้งยิ่งใหญ่ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย.62 นี้ เวลา 9.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 เทศบาลเมืองนครนายก ก่อนเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านผ่านผู้ว่าฯนครนายก เพื่อขอให้รัฐบาลทบทวนฯ และหากไม่เป็นผลก็จะนำความขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อระงับโครงการฯต่อไป