ภายในศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งนั้น มีสัตว์ต่างๆหลายชนิด ที่ถูกเลี้ยงในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม แม้จะดั่งเหมือนถูกกักขังแต่ก็ยังดีกว่าถูกปล่อยออกไปผจญชีวิตในป่าใหญ่ สัตว์เหล่านี้ล้วนมีที่มาที่แตกต่างกัน ผ่านความโชคร้ายมาจนอยู่ที่นี่ วันนี้ ทั้งเลียงผา นกแก๊ก หมี วัวแดง เสือโคร่ง และชีวิตของสองเสือดาวพี่น้อง อริน-อรัญนี้ก็เช่นกัน เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า สนามบินสุวรรณภูมิ ตรวจจับลูกเสือดาว อายุราว 1 เดือนและ 2 อาทิตย์ ถูกซ่อนในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่พร้อมลูกนาก ลิงมาโมเสท รวมทั้งสัตว์ชนิดอื่นๆ เพื่ออำพรางผ่านด่านตรวจเพื่อออกนอกประเทศ อรินทร์และอรัญ ลูกเสือดาววัยอ่อน ถูกนำส่งมายังกลุ่มงานดูแลสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่ออนุบาลให้แข็งแรงเป็นเวลา 2สัปดาห์13 เมษายน 2562 ถึงถูกส่งต่อให้ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นผู้ดูแลต่อไป นักวิจัยด้านสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชระบุว่า จากการสำรวจในผืนป่าตะวันตก พบเสือโคร่งราว 80-90 ตัว (คาดว่าจะราว 150 ตัวจากทั่วประเทศ) เสือดาว 100-130 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นเสือดำเพียง 15 ตัวเท่านั้น แม้มีการพบเห็นเสือดาวในป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานหลายครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเสือดาวมีมาก หากแต่ยังมีจำนวนน้อยและมีแนวโน้มว่าใกล้สูญพันธุ์ สถานภาพในธรรมชาติ IUCN ยังอยู่ในบัญชี 1 และเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอรินทร์และอรัญรวมทั้งสัตว์อื่นๆที่ตรวจจับได้ว่าน่าจะเป็นเสือที่มาจากแหล่งของเอกชนอาจจะในฟาร์มที่ลักลอบเลี้ยงในวัยขนาด1เดือนและ2อาทิตย์ลูกเสือดาวสองตัวนี้จะถูกแม่ดูแลให้นมอย่างใกล้ชิดเสือดาวจะโตเต็มวัยเมื่ออายุ1.5ปีหลังจากนั้นก็จะแยกมาจากแม่ออกมาหากนตัวเดียวโดยเสือดาวจะมีอายุ10-15ปี (อายุประมาณเดียวกับแมว) อรินทร์และอรัญในศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งแม้จะห่างจากการดูแลของแม่เสือแต่เจ้าหน้าที่ก็ให้การดูแลอย่างดีโดยเริ่มแรกให้นมสำหรับเสือโดยเฉพาะและเริ่มให้เนื้อสัตว์มาเมื่อไม่นานนี้โดยให้เป็นเนื้อวัวหมูและไก่สับ3มื้อ/ วันมื้อละ150กรัมต่อตัว สองเสือดาวตัวน้อยซุกซนไปตามประสาเหมือนแมวทั้งชอบประจบ ชอบเคลียคลอและชอบเล่นกันชอบเข้าไปซุกนอนตามซอกแคบกล่องทั้งหลายและชอบตะกุยเจ้าหน้าที่ต้องเอาสองเสือดาวน้อยออกไปให้หัดปีนต้นไม้ซึ่งเป็นที่ถูกใจของสองเด็กน้อยมาก สิ่งที่ทางศูนย์คิดเตรียมการณ์ไว้สำหรับสองเสือน้อยนี้ก็คือ กรงขนาดใหญ่ 80x 80 เมตร ที่มีต้นไม้อยู่ภายใน ให้สองเสือดาวนี้ได้เติบโตภายในสภาพพื้นที่ที่ใกล้เคียงป่าให้มากที่สุด อย่างน้อยภายใต้อายุขัยเขาที่ไม่กี่ปี ต้องพรากจากแม่แต่ยังวัยอ่อน สิ่งเหล่านี้จะพอชดเชยเขาได้บ้าง ศูนย์เพาะเลี้ยงฯห้วยขาแข็งมีพื้นที่ แต่ต้องรองบประมาณในการสร้างกรงวันนี้เสือดาวกำพร้ากำลังโตวันโตคืนภายใต้การเลี้ยงดูเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ศูนย์เพาะเลี้ยงได้เป็นอย่างดี ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ไม่เพียงแต่เลี้ยงดูลูกเสือดาวสองตัวนี้เท่านั้น หากแต่ยังมีภาระหน้าที่ในการเลี้ยงดูสัตว์ของกลางอื่นๆ ทั้งเลียงผา หมี เสือโคร่ง เก้งหม้อ ฯลฯ บางตัวบาดเจ็บมาและ ถูกทำการรักษา ก่อนจะถูกส่งมาให้เจ้าหน้าที่เลี้ยงดู ส่วนจะจัดการอย่างไรต่อไปขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บริหาร หรือตราบอายุขัยของสัตว์นั้นๆ แต่ภายใต้การดูแลของศูนย์เพาะเลี้ยง สัตว์เหล่านี้จะมีความปลอดภัยและได้กินอาหาร นอกนั้นศูนย์เพาะเลี้ยงฯยังมีหน้าที่เพาะเลี้ยงสัตว์ตามภาระหน้าที่ที่ถูกมอบหมาย เพื่อขยายและเพิ่มปริมาณในพื้นที่ป่าธรรมชาติ ป่าไม้ก็ต้องมีสัตว์ป่าจึงจะเป็นป่าที่สมบูรณ์ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมสัตว์ป่าในศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุสัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้ ในบริเวณและบรรยากาศที่ร่มรื่น เข้าไปเยี่ยมชมภายใต้กฎระเบียบของทางศูนย์ ซึ่งจะมีที่มาของสัตว์แต่ละตัวว่ามาอย่างไร บางตัวมาในสภาพที่เจียนอยู่เจียนตาย บางตัวถูกทำร้ายจนหวาดระแวงมนุษย์ อยากให้ได้ไปเห็นเขาเหล่านั้น และเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสัตว์เหล่านี้ ท่านผู้อ่านสามารถร่วมดูแลสองเสือดาวกำพร้า รวมทั้งสัตว์อื่นในศูนย์เพาะเลี้ยงต่างๆได้ร่วมบริจาคได้ใน....โครงการพ่อแม่อุปถัมภ์สัตว์ป่าในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 980-2-16537-9แล้วส่งหลักฐานแจ้งไปยังสถานีเพาะเลี้ยงที่ต้องการ (เสิร์ชหาในเพจเฟชบุ๊ค) ทางเจ้าหน้าที่ก็จะนำหลักฐานนี้ไปเบิกเงินจากบัญชีกลาง อย่างเช่นถ้าจะเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์เสือดาวสองพี่น้อง อริล-อรัญ ก็ส่งหลักฐานการโอนมาทางข้อความเพจสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งหรือส่งหลักฐานโอนไปยังกลุ่มงานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า แฟกซ์ 0-2579-9630 ระบุว่าบริจาคให้สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นต้น เราให้ได้มากกว่าคำว่าน่าสงสาร.... (ภาพ...ศูนย์เพาะเลี้ยงฯห้วยขาแข้ง)