คงไม่มีใครที่ไม่อยากมีความก้าวหน้าและมั่งคงทางการงานและการเงิน หาความปลอดภัยด้านการเงินจนล้นเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวข้างหลัง เป็นชีวิตดีดีที่ใครๆ ก็อยากได้อยากเป็น ที่สำคัญคือ มีชื่อติดอยู่ในทำเนียบของมนุษย์เงินล้าน ภายในชั่วเวลาไม่ถึง 5ปี รัชชสิทธิ์ อัครวัฒนะเลิศ (ซิน) คือหนึ่งใน 4 มนุษย์เงินล้านที่ขึ้นทำเนียบ "เดอะ มิลเลียนแนร์ เลกาซี่" (The Millionaire Legacy) ประจำเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งนั่นหมายความว่าทำยอดขายทะลุเป้า ได้รับคอมมิชชั่นต่อเดือนมากกว่า 1 ล้านบาท "ในเลกาซี่ใครๆ ก็สามารถเป็นแบบพวกเราได้ เพราะเรามีสินค้าเหมือนกัน มีแผนธุรกิจเดียวกัน และอยู่ในระบบเดียวกัน จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง" รัชชสิทธิ์ ยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และเล่าถึงเส้นทางชีวิตก่อนหน้านี้ที่เหมือนเดินอยู่บนเส้นด้ายบางๆ ว่า ตัวเขาเองสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มีดีกรีเป็นวิศวกร แต่เป็นมนุษย์เงินเดือนได้เพียงเดือนเดียวก็ลาออก หันเหชีวิตมาเป็นพ่อค้าในตลาดนัด ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านกิ๊ฟช้อปเล็กๆ ที่หาดใหญ่บ้านเกิดร่วมกับคู่ชีวิตคือ อิสรีย์ อัครวัฒนะเลิศ (แตง) ซึ่งเปิดร้านได้เพียง 2 ปี หาดใหญ่ประสบภาวะน้ำท่วมใหญ่ 3 เดือนที่ร้านเปิดไม่ได้ ยังไม่หนักเท่ากับเงินที่เก็บหอมรอมริบมาได้ 2-3 แสนบาทต้องนำออกมาใช้ซ่อมแซมร้าน แล้วถ้าปีหน้าน้ำท่วมอีกล่ะจะทำอย่างไร รัชชสิทธิ์ ย้อนเรื่องราวในภาวะวิกฤตครั้งนั้นให้ฟัง เขาต้องก่ายหน้าผากอยู่นานจนกระทั่ง ธีรกรณ์ พันธุ์วิกย์การ (เต๊ะ) เพื่อนสมัยเรียนก้าวเข้ามา และเอ่ยชวนให้เข้าไปทำความรู้จักกับ"เลกาซี่" "ตอนนั้นที่เพื่อนมาชวนและบอกว่าเป็นธุรกิจเครือข่ายก็อึ้ง" รัชชสิทธิ์ กล่าวว่า แต่เมื่อสัมผัสถึงความจริงใจของเพื่อน ที่สำคัญคือ ข้อดีของธุรกิจนี้ที่เพื่อนบอกว่า เราสามารถแบ่งปันความสำเร็จร่วมกับบริษัทได้ บริษัทเป็นผู้ออกเงินทุนให้ และยังมีการเทรนนิ่งให้ด้วย จึงตัดสินใจลองสู้ดูสักตั้ง "วันที่เริ่มต้นภรรยาผมก็ไม่เห็นด้วย แต่ผมว่าทุกคนย่อมอยากทำให้ชีวิตเราดีแล้วล้นไปที่ครอบครัว เมื่อผมขอเวลาพิสูจน์ตัวเองกับแตง 1 ปี ผมจึงต้องทำงานหนัก ขณะเดียวกันก็พยายามถึงแตงให้เข้ามาอยู่ในเกม พอเข้ามาเราก็มีสังคม มีเพื่อนๆ สุดท้ายแตงก็เห็นว่าผมไปที่ไหน เหนื่อยยังไง มันเป็นการเหนื่อยคู่ อยู่ในเกมเดียวกัน และผ่านเรื่องราวมาด้วยกันจนทุกวันนี้" รัชชสิทธิ์ กล่าว เช่นเดียวกับ อิสรีย์ เผยความในใจว่า "ต้องบอกว่า แตงเป็นคนแรกในตระกูลที่ได้พาพ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ แตงไม่อายที่จะบอกว่าครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวย แต่เราต้องเป็นคนจนรุ่นสุดท้ายของตระกูลเราให้ได้ ต้องขอบคุณเลกาซี่ที่ทำให้พวกเราทั้งสี่คนจากเด็กธรรมดาสามารถก้าวขึ้นมามีวันนี้ได้" จากคู่รหัส รัชชสิทธิ์-อิสรีย์ นักธุรกิจระดับ Crown Diamond President มารู้จักกับอีกคู่ ธีรกรณ์ พันธุ์วิกย์การ (เต๊ะ) กับ จิภัสร์ญดา อรัญดร(เบสท์) นักธุรกิจระดับ Black Diamond Director ด้วยชีวิตที่เข้มข้นและพลิกผันไม่แพ้กัน ธีรกรณ์ เจ้าของร้านจำหน่ายและซ่อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ทำธุรกิจได้เพียง 6 เดือนก็ต้องปิดกิจการลง เป็นหนี้ธนาคารมากกว่า 1 ล้านบาท จึงต้องหาโอกาสใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูง กระทั่งได้รู้จักกับคุณวรรณ โชติกะวรรณ ผู้ก่อตั้งเลกาซี่ เล่าว่าก่อนจะมาเป็นนักธุรกิจเครือข่าย ต้องพบกับแรงเสียดทานมากมายจากคนรอบข้าง เริ่มตั้งแต่พ่อแม่ที่มองว่าอุตส่าห์ส่งลูกเรียนจนสำเร็จการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ มีธุรกิจเป็นของตนเอง แต่แล้ววันหนึ่งกลับหันไปหาธุรกิจ MLM "แม้แต่ตัวผมเองเมื่อก่อนก็ไม่ชอบธุรกิจเครือข่าย เพราะรู้สึกว่าคนที่เข้ามาพยายามให้เราซื้อสินค้า พยายามให้เราทำธุรกิจทั้งๆ ที่เราไม่ชอบไม่อยากทำ จึงคิดว่าถ้าเราไม่อยากเสียเพื่อนเราต้องไม่ทำอย่างนี้ และเรียนรู้ว่ามืออาชีพต้องทำอย่างไร โดยเราต้องเคารพการตัดสินใจของเพื่อนด้วย" การจะพาตัวเองขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ ธีรกรณ์ บอกว่า สิ่งแรกที่เราต้องมีคือ ต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตก่อน แล้วเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้า ข้อสำคัญคือ ต้องมีวินัยด้วยอย่างต่อเนื่อง เทคนิคของผมคือ เราไม่ได้ขายสินค้า แต่เราขายผลลัพธ์จากตัวเรา เมื่อเรากินเองใช้เอง เรามีสุขภาพดี ต่อให้เราพูดไม่เก่ง คนก็จะมาถามว่าเราไปทำอะไรมา "ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี เลกาซี่ยิ่งเติบโต เพราะทุกคนจะมองหาสิ่งที่จะทำเพื่อเพิ่มรายได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำธุรกิจหรือคนที่ทำงานประจำ แต่ไม่พร้อมที่จะเสี่ยงกับการลงทุนมากๆ ซึ่งโมเดลของเลกาซี่ไม่มีความเสี่ยง เพราะลงทุนแค่หลักร้อยหลักพัน เทียบกับธุรกิจอื่นๆ ถ้าอยากได้รายได้หลักแสนก็ต้องลงทุนหลักล้าน ถ้าอยากได้รายได้หลักล้านก็ลงทุนหลักสิบล้าน" ธีรกรณ์ กล่าว