ป.ป.ช. สั่งเฝ้าระวังโครงการตามนโยบาย รัฐบาล “ประยุทธ์ 2” หากพบส่อทุจริตรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์ลงมติเสียงข้างมากยับยั้งได้ทันที เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2562 พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีการเฝ้าระวังตรวจสอบโครงการของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ขณะนี้สั่งการให้แต่ละสำนักเฝ้าระวังของสำนักงาน ป.ป.ช. เริ่มดำเนินการค้นหาข้อมูลโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลแล้ว ภายหลังคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หลังจากนั้นจะจัดลำดับความเร่งด่วนของความเสี่ยงแต่ละโครงการว่า โครงการไหนใหญ่ โครงการไหนมีความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริต หากพบว่า ในช่วงตั้งต้นของโครงการที่มีความเสี่ยง จะเฝ้าระวังตรวจสอบว่า มีการทำอะไรช่วงไหน ขอรายละเอียดโครงการมาพิจารณา นอกจากนี้จะแจ้งเตือนรัฐบาลว่าให้เฝ้าระวัง มีการวางแผนป้องกันความเสี่ยงหรือยัง นี่คือการป้องกันไว้ก่อน นอกจากนี้ต้องเปิดเผยข้อมูลโครงการในส่วน Big Data เพื่อให้ประชาชนหาข้อมูลได้เต็มที่ ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญ หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. พบว่าโครงการไหนมีความเสี่ยง สามารถลงมติเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ให้ยับยั้งโครงการดังกล่าวไว้ก่อนได้ พล.อ.บุณยวัจน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการของการจัดซื้อจัดจ้างในหน่วยงานของรัฐนั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้หารือกับนายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. ว่า ความโปร่งใสในการดำเนินโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ควรเปิดเผยรายละเอียดโครงการในเว็บไซต์หน่วยงานท้องถิ่นนั้น ๆ เลย เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ว่า อยู่ในขั้นตอนใด ใช้งบประมาณเท่าไหร่ มีวัตถุประสงค์อะไร ใครเป็นผู้ประมูลชนะ ราคาเท่าไหร่ เป็นต้น ขณะเดียวกันตอนนี้ อปท. จำนวน 1,852 หน่วย ได้ส่งแผนป้องกันและต่อต้านการทุจริตมาให้ ป.ป.ช. หมาดแล้ว หลังจากนั้น ป.ป.ช. จะติดตามผลต่อไป พล.อ.บุณยวัจน์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากงบประมาณเงินอุดหนุน ถือเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่เกิดปัญหา เบื้องต้นได้หารือกับ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เพื่อดูรายละเอียดว่าจะจัดระเบียบงบประมาณเงินอุดหนุนว่าอย่างไร ต้องมีหลักเกณฑ์โดยละเอียดอย่างไร เพราะขณะนี้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยเป็นอีกอย่าง ระเบียบกระทรวงการคลังเป็นอีกอย่าง ขัดแย้งกันหมด ทำให้ที่ผ่านมางบประมาณเงินอุดหนุนมีปัญหา ต้องมีการจัดระเบียบตรงนี้เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน