“รศ.ดร.โอฬาร” วิเคราะห์มาตรการของรัฐบาลไทยในการรับมือสถานการณ์ชายแดน ว่าเป็นการดำเนินการที่มี "เหตุผลรองรับ" และ "ไม่ใช้อารมณ์" เผยยุทธศาสตร์ที่ไม่ใช่แค่การสู้รบ แต่เป็นการใช้แรงกดดันทางนโยบายอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การปิดด่านจนถึงการระงับใบอนุญาตแรงงาน และความแนบแน่นของรัฐบาลกับกองทัพที่แข็งแกร่ง คือสิ่งที่ทำให้ท่าทีไทยมีเสถียรภาพสูงสุด อ่านต่อว่ามาตรการเหล่านี้จะส่งผลระยะยาวอย่างไร
วันที่ 14 พ.ย.2568 รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีและมาตรการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า อาจไม่ทันใจผู้ที่ต้องการเห็นการตอบโต้แบบดุเดือดเปิดฉากรบจบในวันเดียว แต่สิ่งที่รัฐบาลดำเนินอยู่เป็นกระบวนการที่มีความละเอียดรอบคอบ มีเหตุผลรองรับ และเป็นแนวทางที่สอดกับหลักการเพื่อรักษาสันติภาพ และป้องกันผลกระทบแง่ลบที่ตามมาในระยะยาว รัฐบาลต้องคำนึงหลายหลายมิติในการแก้ไขปัญหา เข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของประชาชนในขณะนี้ที่อยากจะให้รัฐบาลดำเนินการแบบเข้มข้น แต่รัฐบาลต้องประเมิน สถานการณ์จากรอบคอบ การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งย่อมมีผลกระทบตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เข้าใจว่า ความเป็นจริงการจะเปิดฉากหลบพุ่งด้วยเหตุผลว่า ทหารเหยียบกับระเบิดนั้น เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มันต้องมีปัจจัยความรุนแรง และต้องเกิดความสูญเสีย ที่หนักแน่นมากๆ ถึงขั้นที่ไทยต้องเปิดศึก เช่น มีการยิงปืนใหญ่ หรือทหารกัมพูชา กรีฑาทัพเข้ามา ซึ่งตอนนี้ สถานการณ์ยังห่างไกล ที่บอกว่าการโต้ตอบของรัฐบาลเหมาะสม เพราะว่าการประกาศยกเลิกปฏิญญาที่เคยลงนามไว้ คือสัญญาณชัดเจนว่าไทยจะกลับมาแก้ปัญหาชายแดนด้วยตนเอง โดยไม่เปิดช่องให้มีการแทรกแซงจากต่างชาติ ซึ่งสะท้อนหลักการพื้นฐานของรัฐอธิปไตยว่าความเป็นอิสระของชาติ ต้องมาก่อนทุกอย่าง
“มาตรการที่ไทยใช้ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ส่งตัวเชลยกลับ การไม่ออกใบอนุญาตแรงงานเพิ่มเติม รวมถึงการปิดด่านตลอดแนว ถือเป็นแรงกดดันทางนโยบายที่มีพลังและเป็นระบบ ไม่ใช่การตอบโต้ด้วยอารมณ์ ขณะที่การตอบโต้ด้านกำลังทหารของไทยก็เป็นไปตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนักอย่างมีหลักการ เพื่อยืนยันตนในความเป็นชาติอารยะ และควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามเกินความจำเป็น สิ่งที่ทำให้กัมพูชาต้องคิดให้รอบคอบมากขึ้น คือบทบาทของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ประกาศหนุนหลังการตัดสินใจของกองทัพอย่างชัดเจน นี่คือความแนบแน่นระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ซึ่งแตกต่างจากยุครัฐบาลก่อน ที่มีรอยร้าวปรากฏชัด การที่รัฐบาลชุดปัจจุบันและกองทัพมีจุดยืนตรงกัน ทำให้ท่าทีของไทยมีเสถียรภาพและชัดเจนขึ้นอย่างมาก จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้กัมพูชาต้องประเมินผลลัพธ์ให้ละเอียดกว่าเดิมในทุกการเคลื่อนไหว”รศ.ดร.โอฬาร กล่าว