วันที่ 12 พ.ย. 68 ที่วัดท่าดินแดง จ.พระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมน้ำท่วมจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยาว่า สิ่งที่เห็นวันนี้ คือยังมีพื้นที่ว่าฝั่งตะวันออกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ก็จะเร่งรัดให้ระบายน้ำไปทางนั้น ส่วนการเยียวยาเป็นรายเดือนนั้น จะพยายามจัดสรรให้ได้มากที่สุด ทดแทนความเดือดร้อนของประชาชน เพิ่มเติมจากเงินเยียวยา 9,000 บาท โดยจะชดเชยทั้งพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัย เพราะถือว่าทุกคนเดือดร้อน และในส่วนของรัฐบาลจะเร่งรัดโครงการต่าง ๆเพราะแต่ละปี ต้องจ่ายใจเยียวยาเป็นปี 3-4 หมื่นล้านบาทต่อเนื่อง 3-5 ปี ก็รวมเป็นแสนล้าน แต่มันไม่แก้ปัญหาระยะยาว ขณะนี้มีโครงการดีๆมากมาย ที่อยู่ในขั้นนั้นจะได้รับการอนุมัติแล้ว ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาด้านการเมือง คนอนุมัติจะได้เสียง ได้อะไร เอาประชาชนเป็นตัวประกัน นี่เราไม่เอาแล้ว เราจะดูหากเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ให้ประเทศจะเร่งอนุมัติ เช่นโครงการ ป่าสักอ่าวไทย ที่จะมีขนาดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาอีกหนึ่งเส้น อยากให้นึกถึงความสามารถในการผันน้ำเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว สร้างโครงการนี้สําเร็จ รวมถึงโครงการอื่น ๆ หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมาตนจะเร่งอนุมัติ ก่อนที่เราจะยุบสภา
เมื่อถามว่า จะถือว่าเป็นเมกะโปรเจคที่รัฐบาลเราได้อนุมัติเลยหรือไม่ นายกฯ กล่างว่า" ผมไม่ถือเป็นอะไรทั้งนั้น ถือว่าอะไรก็ตามที่ทําแล้ว ประเทศได้ประโยชน์ ในระยะยาว ประชาชนไม่เดือดร้อน ไอ้ตรงนี้คือเมกะโปรเจกต์สำหรับผม ไม่ใช่เมกะโปรเจคในเรื่องของจํานวนเงินหรือขนาดของโครงการ "
เมื่อถามว่า โครงการนี้ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะทําเป็นระยะๆ โดยรวมแล้วก็เป็นปี แต่สําคัญที่ว่าจะอนุมัติเมื่อไหร่ แล้วเริ่มได้เมื่อไหร่ เมื่ออนุมัติโครงการแล้วก็จะสามารถเร่งโครงการได้ ส่วนเรื่องงบประมาณโดยรวมคาดว่าจะเป็นแสนล้านบาท แต่งบประมาณประเทศ เรามีปีละสามแสนล้านล้านบาท วงเงินแสนใช้เวลา 5-7 ปี แบ่งเป็นระยะปีหนึ่งไม่กี่หมื่นล้าน สามารถทําได้สบายอยู่แล้วหากเราจะทำ








