ผู้ว่าฯพิจิตรสั่งสอบด่วน หลังชาวนาร้องถูกโรงสี–ท่าข้าวเบี้ยวจ่ายค่าข้าว พบมีแหล่งรับซื้อเงินสดจริงเพียง 9 แห่ง แนะขายให้สหกรณ์เพื่อความปลอดภัย
วันที่ 12 พ.ย.68 น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, นายกิติพล เวชกุล รองฯ ผู้ว่าพิจิตร, พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล รองผู้อำนวยการ รมน.จังหวัดพิจิตร (ทหาร), นายประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สนง.อัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายฯจังหวัดพิจิตร, นายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร, นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร, นายกฤษฏิ์ สิทธิยศ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทน นายอำเภอตะพานหิน พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนชาวนาตะพานหิน ที่ร้องทุกข์ว่าขายข้าวให้กับท่าข้าว “เจ๊ปลา” (นามสมมุติ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.วังหว้า อ.ตะพานหิน ที่รับซื้อข้าวชาวนากลุ่มนี้ไปตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ 2568 แล้วบิดพลิ้วไม่ชำระค่าข้าวเปลือกของชาวนาทั้งหมด แต่ทยอยจ่ายรายละ 10,000-30,000 บาท อีกทั้งมีชาวนาบางรายยังไม่ได้เงินเลยก็มี พอชาวนารวมตัวจะไปแจ้งความ “เจ๊ปลา” ก็จะมาเจรจาแล้วหยอดเงินให้คราวละ 10,000-20,000 บาท จึงทำให้ชาวนาเดือดร้อน
ล่าสุด ผู้ว่าฯพิจิตร จึงสั่งการให้ระดมผู้ที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายและผู้ปฏิบัติงานจากหลายหน่วยงานรวมแล้วเกือบ 30 คน เพื่อจะบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีอาญา-คดีแพ่ง กับ “เจ๊ปลา” และท่าข้าวที่ใช้เป็นจุดรับซื้อข้าวจากชาวนากลุ่มนี้ ซึ่งก็พบว่ามีกรรมวิธีการดำเนินการที่สลับซับซ้อนพอควร แต่ด้วยจังหวัดพิจิตร เจอขบวนการโกงชาวนามาในทุกรูปแบบแล้วจึงมีโมเดลในการเอาผิด โรงสี-ท่าข้าว ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวได้ไม่ยากนัก ในที่ประชุมมีชาวนา 2 ราย รายงานในที่ประชุมว่าช่วงเช้าก่อนที่จะมาประชุม “เจ๊ปลา”ได้โอนเงินจ่ายค่าข้าวเปลือกให้กับ 2 แกนนำอีกด้วย ในที่ประชุมมีการสอบถามว่าจากนโยบายของท่านผู้ว่าฯพิจิตร ที่รณรงค์บอกกับชาวนาว่าวิธีแก้กลโกงของ โรงสี-ท่าข้าว คือต้องซื้อ-ขาย จ่ายเงินสดเท่านั้น
ในที่ประชุมสื่อมวลชนจึงได้ถามว่าแหล่งรับซื้อข้าวจากชาวนามีที่ไหนซื้อด้วยเงินสดบ้างขอให้เปิดรายชื่อและที่ตั้งของท่าข้าว-โรงสี เพื่อสื่อมวลชนจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาได้รับรู้และนำข้าวไปขาย คำถามนี้จี้ถามไปที่ประธานชมรมโรงสีข้าวพิจิตร ซึ่งก็ตอบยอมรับว่า ถึงแม้จะเป็นโรงสีขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ ก็คงต้องขอเวลา 3-5 วัน ในการชำระเงิน จึงกลายเป็นว่า “โรงสี-ท่าข้าว พิจิตรบางแห่งไม่สามารถซื้อข้าวจากชาวนาแล้วจ่ายเงินสดได้จริง”
จากนั้น นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร ก็ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า จุดรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาที่นำมาขายแล้วจ่ายเงินสดในช่วงนี้มีสหกรณ์ เพียง 9 แห่ง คือ 1.สหกรณ์การเกษตร เมืองพิจิตร จำกัด 2.สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธกส. จำกัด (ใช้สถานที่เอกชน) 3.ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรพิจิตร จำกัด 4.สหกรณ์การเกษตรตะพานหิน จำกัด 5.สหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด 6.สหกรณ์การเกษตรทับคล้อ จำกัด 7.สหกรณ์ชาวนา วชิรบารมี 8.สหกรณ์การเกษตรสามง่าม จำกัด 9.สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินสามง่าม 1 จำกัด ซึ่งรับซื้อข้าวจากเกษตรกรชาวนาที่ขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวกับ สนง.เกษตรฯ โดยจ่ายเงินสด อีกทั้ง สหกรณ์ทั้ง 9 แห่งนี้ ก็เข้าร่วมโครงการชะลอการขายของรัฐบาล ซึ่งชาวนาจะได้เงินเพิ่มอีก 500 บาท ภายหลังจากที่ขายแล้วได้เงินสดของราคาข้าวเปลือกในราคาท้องตลาด แต่เงินอีก 500 บาท ดังกล่าวต้องรออีกระยะหนึ่งถึงจะได้เพิ่มขึ้นอีก 500 บาท
สหกรณ์จังหวัดพิจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากโครงการชะลอการขายแล้วได้เงินเพิ่ม 500 บาท นี้เอง จึงทำให้มีโรงสี-ท่าข้าว ใช้เป็นข้ออ้างกลลวงชาวนาว่าถ้าไม่รับเงินสดทั้งหมดตอนส่งมอบข้าวหรือรับเงินบางส่วนก็จะได้เงินเพิ่มอีกตันละ 500 บาท ซึ่งวิธีการดังกล่าวหากชาวนาหลงเชื่อก็อาจถูกหลอกลวงได้ ดังนั้นจึงยืนยันว่าถ้าอยากขายข้าวเปลือกแล้วได้เงินสดก็มีสหกรณ์ทั้ง 9 แห่ง ให้เป็นทางเลือก แต่ท่าข้าวที่ซื้อขายจ่ายเงินสดก็ยังมีอีกหลายแห่ง ซึ่งล่าสุด นายกิติพล เวชกุล รองฯ ผู้ว่าพิจิตร และคณะ ซึ่งหลังจากประชุมในช่วงเช้าเสร็จสิ้น ในช่วงบ่ายก็ลงไปที่จุดรับซื้อข้าวของ หจก.ทุ่งโพธิ์พืชผล ต.ทุ่งโพธิ์ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ซึ่งเปิดรับซื้อข้าวหอมมะลิอย่างเดียวในราคาตันละ 13,000 บาท ความชื้น 15% ส่วนข้าวเกี่ยวสดความชื้นไม่เกิน 25% ก็รับซื้ออยู่ที่ตันละ 12,000 บาท โดยจ่ายเป็นเงินสดก็ยังมีอีกด้วยเช่นกัน
#ภูมิภาค-09







