มหากาพย์ความขัดแย้งระหว่างซูเปอร์สตาร์ "คิมซูฮยอน" (Kim Soo-hyun) พระเอกหนุ่มชาวเกาหลีใต้ กับครอบครัวของนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ "คิมแซรอน" (Kim Sae-ron) ได้ปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างดุเดือดจนน่าจับตา เมื่อทีมกฎหมายของ คิมซูฮยอน ได้ออกมาประกาศกร้าว เตรียมดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยพุ่งเป้าไปที่ "เอกสารใหม่" ที่ครอบครัวฝ่ายหญิงซึ่งเสียชีวิตไปแล้วกำลังจะเปิดเผยต่อสาธารณะ พร้อมเตือนว่าเอกสารเหล่านั้นอาจเป็น "เอกสารปลอมแปลง" และการเผยแพร่ "หลักฐานที่ถูกบิดเบือน" ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือเป็นการกระทำทางกฎหมายที่ร้ายแรงและยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ล่าสุด "โค ซังรก" ทนายความประจำตัวของคิมซูฮยอน ได้ออกมาเปิดเผยผ่านช่อง YouTube ส่วนตัวเมื่อวันจันทร์ (10 พ.ย.68) ที่ผ่านมา ถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง โดยระบุว่า ได้รับรายงานว่า บู จีซอก ทนายความซึ่งเป็นตัวแทนของครอบครัวคิมแซรอน ได้ตอบรับคำขอสัมภาษณ์จากรายการข่าวสืบสวนสอบสวนของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และได้เริ่มดำเนินการถ่ายทำไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
แม้ในเบื้องต้น ทนายโค จะกล่าวว่า "ยินดีต่อการตัดสินใจของทนายบู ที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อ" แต่ทว่าสถานการณ์กลับพลิกผันไปในทิศทางที่ส่อเค้าความวุ่นวายมากขึ้น
ทนายโค กล่าวต่อไปว่า "ทันทีที่ข่าวการสัมภาษณ์ดังกล่าวแพร่ออกไป บุคคลหลายคนที่เชื่อว่ามีความใกล้ชิดกับคนรู้จักของคิมแซรอนผู้ล่วงลับ ก็เริ่มเผยแพร่ข้อกล่าวหาทางโซเชียลมีเดียทันทีว่า "ครอบครัวได้มอบเอกสารที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนให้กับทนายความของพวกเขา" ซึ่งเขามองเห็นเป็นสัญญาณเตือนที่ร้ายแรง โดยกล่าวเสริมว่า "เรามองเห็นสัญญาณเตือนที่ร้ายแรงที่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่จะเกิดการสร้างเรื่อง แบบเดียวกันซ้ำอีก ซึ่งเคยสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับนักแสดงคิมซูฮยอนมาแล้ว"
นอกจากนี้ ทนายโคยังได้กล่าวหาครอบครัวของคิมแซรอนอย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่ให้ความร่วมมือ" กับเจ้าหน้าที่ในการสอบสวน โดยระบุอย่างชัดเจนว่า "ครอบครัวและทนายความได้เพิกเฉยต่อคำร้องขอของตำรวจมาเป็นเวลาหลายเดือน พวกเขาถึงกับปฏิเสธที่จะรับคำฟ้องแพ่งที่ยื่นไปตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม และยังคงไม่ได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย"
ทนายความ กล่าวต่อว่า "ณ จุดนี้ การกล่าวอ้างอย่างกะทันหันว่าครอบครอง 'หลักฐานใหม่ที่อาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง' นั้นจึงไม่สมเหตุสมผลและน่าสงสัยอย่างยิ่ง"
ทีมกฎหมายของคิมซูฮยอนได้ย้ำเตือนอย่างหนักแน่นด้วยว่า หลักฐานใหม่ใด ๆ ที่ไม่เคยถูกนำเสนอต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนมาก่อนในช่วงที่ผ่านมา จะนำมาซึ่ง "ข้อสันนิษฐานที่หนักแน่นว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมา"
"สำนักงานตำรวจนครบาลโซลได้ยอมรับแล้วว่า หากมีการกุเรื่องขึ้นหรือมีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติมภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การกระทำดังกล่าวอาจเป็นเหตุให้ถูกจับกุมได้ทันที" ทนายความ ระบุ
ข้อพิพาททั้งหมดนี้มีจุดเริ่มต้นจากข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผ่านทางช่องยูทูบสายอนุรักษ์นิยมชื่อดัง Garo Sero Institute (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hoverlab) ซึ่งครอบครัวของคิมแซรอนได้กล่าวหาว่า คิมซูฮยอน มีความสัมพันธ์กับนักแสดงสาวตั้งแต่สมัยเธอยังเป็นนักเรียนมัธยมต้น ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับสาธารณชน
อย่างไรก็ตาม ต้นสังกัดของคิมซูฮยอน ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างหนักแน่น โดยยืนยันว่า "พวกเขาคบหากันจริง แต่คบกันแค่ในช่วงฤดูร้อนปี 2019 ถึงฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่คิมแซรอนบรรลุนิติภาวะแล้ว"
ในส่วนของการดำเนินการทางกฎหมาย ฝั่งของคิมซูฮยอนได้ดำเนินการยื่นฟ้องครอบครัวของคิมแซรอนเป็นมูลค่าสูงถึง 12,000 ล้านวอน (คิดเป็นเงินประมาณ 8.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในข้อหาหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหาย โดยนักแสดงหนุ่มได้จัดงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พร้อมยืนยันอย่างหนักแน่นว่าบทสนทนาใน KakaoTalk ที่ครอบครัวนำเสนอต่อสาธารณะนั้น "ถูกกุขึ้น"
แม้คิมซูฮยอนจะออกมาชี้แจงป้องกันตัวเองแล้ว แต่กระแสความคิดเห็นของสาธารณชนต่อเขาก็กลับแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด และยังมีรายงานที่น่าตกใจว่าแบรนด์สินค้าหลายรายที่เคยว่าจ้างคิมซูฮยอนเป็นพรีเซนเตอร์ได้เรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายอีกด้วย ทำให้มหากาพย์ดราม่านี้ยิ่งทวีความซับซ้อนและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคดีแห่งปีที่วงการบันเทิงเกาหลีต้องจับตา
#คิมซูฮยอน #คิมแซรอน #ดราม่าเกาหลี #KPopNews #ขู่ฟ้อง #ข่าวบันเทิงเกาหลี #คดีฉาว #KimSooHyun #KimSaeRon #นักแสดงเกาหลี








