วันที่ 1 พ.ย.68 ที่ บก.สอท.พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ รอง ผกก.ฯ ช่วยราชการ กก.2บก.สอท.4 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางปี 2565 ได้มีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกขายรถยนต์และจักรยานยนต์ออนไลน์ โดยเหยื่อรายแรกอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม สนใจซื้อรถยนต์มือสองเลยเข้าไปหาในเฟสบุ๊กมาร์เก็ตเพลสและตกลงซื้อ 1 คัน มิจฉาชีพได้ออกอุบายให้โอนเงินมัดจำเข้าบัญชีธนาคารของ นายเอ (นามสมมติ) เมื่อลูกค้าโอนเงินมัดจำเป็นเงินกว่า 50,000 บาท แล้ว ปรากฎว่าติดต่อไม่ได้อีกเลย
ต่อมาได้มีเหยื่อรายที่ 2 ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ได้สนใจซื้อรถจักรยานยนต์ เลยหาในเฟสบุ๊กเช่นเดียวกัน ต่อมามิจฉาชีพได้หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี เช่นกัน รวมจำนวน 20,000 บาท และยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน รวมมูลค่าทั้วหมดแล้ว รวมกว่าหลายแสนบาท ต่อมาพนังานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐษนจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้หลายราย รวมทั้งบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงินดังกล่าว
กระทั่ง พ.ต.ท.พร้อมพล นำกำลังเข้าจับกุม นายเอ ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.653/2566 ลง 27 พ.ย.66 และหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ จ.295/2566 ลง 4 ส.ค.66 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
เบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เมื่อช่วงปี 2565 เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ตนเองเดือดร้อนเงินจึงค้นหาในกูเกิ้ลเพื่อหาแหล่งกู้เงินออนไลน์ และได้พบแอป โดยทางแอดมินแจ้งให้ตนส่งรูปบัตรประชาชนหน้า-หลัง และแสกนใบหน้า โดยให้ตนเปิดบัญชีธนาคารแบบออนไลน์เพื่อรับเงินที่กู้ พร้อมกันนี้เมื่อได้รับ รหัส OTP ต้องส่งรหัสให้แอดมินด้วย จากนั้นเมื่อส่งหลักฐานทุกอย่างครบแล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
จนต่อมาปี 2566 มีตำรวจติดต่อมาบอกว่าตนไปเปิดบัญชีม้าให้มิจฉาชีพหลอกคนซื้อจักรยายนต์ จึงรู้สึกตกใจ และรีบเดินทางไปยังธนาคารเพื่อขอดูรายการเดินบัญชี ปรากฎว่าพบมีเงินหมุนเวียนกว่า 900,000 บาท จึงขอปิดบัญชีไปโดยไม่ได้ไปแจ้งความ เนื่องจากคิดว่าแค่ปิดบัญชีก็น่าจะไม่มีอะไรแล้ว จนมาถูกออกหมายจับและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 จับกุมในที่สุด








