ท่ามกลางกระแสการยอมรับและการตลาดที่บิดเบือน บุหรี่ไฟฟ้าได้ก้าวเข้ามาเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะต่อกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพในระยะยาว แต่ในบางกรณี บุหรี่ไฟฟ้ายังสามารถกลายเป็น "ระเบิดพกพา" ที่คร่าชีวิตได้อย่างไม่คาดฝัน
เมื่อความเสี่ยงกลายเป็นความจริง: ภัยจากการระเบิดและสารพิษ
เหตุการณ์บุหรี่ไฟฟ้าระเบิดที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์นั้น ได้ตอกย้ำถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจริง นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และแพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ ได้เปิดเผยข้อมูลผลการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2015 ถึง 2017 พบว่า มีผู้ป่วยที่บาดเจ็บจากบุหรี่ไฟฟ้าถึงประมาณ 164 ราย ด้วยสาเหตุจากการระเบิดของอุปกรณ์ การระเบิดเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทั้งในขณะที่กำลังใช้งานและขณะที่ไม่ได้เปิดเครื่อง ส่งผลให้ผู้สูบได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงบริเวณมือและใบหน้า บางรายถึงขั้นเกิดแผลฉีกขาดบริเวณปาก จมูก ฟันหัก และที่น่ากลัวคือบางกรณีส่งผลกระทบถึงอวัยวะสำคัญภายในร่างกาย นำไปสู่การเสียเลือด ช็อก และเสียชีวิตได้
สาเหตุหลักของภัยระเบิดนี้มาจากแบตเตอรี่ ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้สารเคมี "ลิเทียมไอออน" ที่หากเกิดความผิดพลาดจะทำให้เกิดบาดแผลไหม้ และอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรงได้ ดร.นายแพทย์หิรัญวุฒิ แพร่คุณธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น ยังเสริมว่า อันตรายจากการระเบิดเกิดจากระบบความปลอดภัยของแบตเตอรี่ที่มักไม่ได้มาตรฐาน การชาร์จนานเกินไป หรือการใช้งานต่อเนื่องที่ทำให้เกิดความร้อนสะสม รวมถึงการชาร์จด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือแม้แต่การปรับแต่งเพิ่มพลังไฟเอง ซึ่งอาจทำให้กระแสไฟเกินค่าความปลอดภัยและเกิดการลุกไหม้หรือระเบิดได้
นอกจากภัยระเบิดแล้ว ภัยเงียบจากสารเคมียังเป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่แพ้กัน มีรายงานว่าพบผู้ป่วยจำนวนกว่า 7,000 ราย ที่ต้องเจ็บป่วยจากการได้รับสารเคมีที่อยู่ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะมาจากการสัมผัส การกลืน หรือการสูดดม ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้ามีสารเคมีมากกว่า 7,000 ชนิด ซึ่งมีหลายร้อยชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สารพิษเหล่านี้รวมถึงนิโคตินที่เป็นสารเสพติดร้ายแรง ฟอร์มาลดีไฮด์ อะซีตัลดีไฮด์ ที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง และ สารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว นิกเกิล โครเมียม ที่ทำลายปอด ตับ และไต
ในด้านสุขภาพ ระบบการหายใจ ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ระบบประสาทและสมอง รวมถึงระบบทางเดินอาหาร ล้วนได้รับผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ร่างกายยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจนำไปสู่ภาวะ EVALI (อี-วา-ลี) หรือภาวะปอดอักเสบรุนแรง ในประเทศไทยเอง กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค ได้รายงานว่า ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2568 มีผู้ป่วย EVALI แล้วจำนวน 17 ราย โดยข้อมูลยังบ่งชี้ถึงผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุเพียง 10 ปี
กลยุทธ์การตลาดและเหยื่อวัยเยาว์
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดปี 2567 ได้สะท้อนภาพการแพร่ระบาดที่น่าตกใจ นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. เปิดเผยในกิจกรรมรณรงค์ Active Youth “Halloween city หยุดผีบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กทม. และภาคีเครือข่าย เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมแมนดาริน สามย่าน โดยกล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ข้อมูลสถิติชี้ว่า คนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงถึง 11.44 เท่า จากปี 2564 ที่มีผู้สูบ 78,742 คน เพิ่มเป็น 900,459 คน ในปี 2567 และในจำนวนนี้ เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 15-24 ปี มากถึง 251,625 คน
ผู้ค้าใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านสื่อออนไลน์เพื่อเข้าถึงและจูงใจเยาวชน โดยมีการสร้างสรรค์บุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ๆ ที่ดูเหมือนไม่อันตราย หรือแม้กระทั่งดูเหมือนของเล่น ผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้ประกอบด้วย
1. ทอยพอด (Toy Pod) บุหรี่ไฟฟ้ารูปลักษณ์คล้ายของเล่นหรือตุ๊กตา
2. พอดจมูก (Nose Pod) สูบผ่านจมูกคล้ายยาดม
3. นิโคตินพาวช์ (Nicotine Pouch) ถุงซองนิโคตินที่ใช้เหน็บไว้ระหว่างเหงือกกับริมฝีปาก
4. พอดเค (Pod K) บุหรี่ไฟฟ้าที่แปลงร่างเป็นยาเสพติด โดยเปลี่ยนหัวพอดเป็นน้ำยาผสมเคตามีนหรือยาสลบ ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน นำไปสู่โรคจิตเภท และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
นางสาวศุภัคชญา สุขใบเย็น หรือวันเดอร์เฟรม แร็ปเปอร์ชื่อดัง ได้แสดงความกังวลว่า เด็กเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายมาก ทั้งสี กลิ่น และดีไซน์ที่ตั้งใจให้ดูเหมือนขนม เธอย้ำว่าหลายคนเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน หรือช่วยคลายเครียด แต่แท้จริงแล้วมันทำลายสุขภาพอย่างรุนแรง ตั้งแต่ทำให้อารมณ์หงุดหงิดง่าย สมาธิสั้น และดูเหนื่อยตลอดเวลา ที่น่ากลัวคือเด็กบางคนไม่รู้ตัวว่ากำลังสูบนิโคตินในระดับสูงมาก เพราะถูกหลอกด้วยกลิ่นผลไม้และกลิ่นหวานๆ ให้รู้สึกปลอดภัย
น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี เล่าประสบการณ์จริงว่า เธอเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะเห็นว่าเป็นของใหม่และอยากลอง หลังจากสูบได้ไม่นาน เธอเริ่มใช้ชีวิตลำบาก หายใจไม่สะดวก เจ็บหน้าอก ไอ บางครั้งมีเลือดปนออกมา และเหนื่อยง่าย อาการเจ็บหน้าอกเหมือนถูกทุบทำให้เธอต้องไปตรวจ และคุณหมอได้อธิบายว่าสาเหตุมาจากบุหรี่ไฟฟ้า น้องเอรู้สึกกลัวและตั้งใจเลิกอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันเธอเลิกมาได้หนึ่งปีแล้ว และชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การดำเนินการเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคาม
ในขณะที่ภัยคุกคามกำลังขยายตัว ทุกภาคส่วนจึงต้องเร่งสร้างการรับรู้และหาแนวทางป้องกัน นางสาวรุ่งอรุณ กล่าวว่า สสส. เล็งเห็นว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องเร่งด่วน จึงใช้เทศกาลฮาโลวีนที่อยู่ในความสนใจของเด็กและเยาวชน เป็นเวทีสื่อสารสร้างสรรค์ เพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายและรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า สามารถปฏิเสธสิ่งยั่วยุได้อย่างมั่นใจ กิจกรรมนี้ได้ขยายผลไปรณรงค์ใน 18 จังหวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ
ในด้านกฎหมายและการบังคับใช้ นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค 3 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ย้ำว่า บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าอันตรายและเป็นของต้องห้ามนำเข้า ครอบครอง และจำหน่ายในประเทศไทย ผู้ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย สคบ. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามากว่า 200 คดี คิดเป็นมูลค่าของกลางมากกว่า 1,000 ล้านบาท
แม้สถานการณ์ซื้อขายหน้าร้านจะดีขึ้น แต่ผู้ค้าได้หลบไปขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งทำให้การไล่ตรวจจับยากลำบาก โดยเฉพาะการขายออนไลน์จากต่างประเทศ นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า "บุหรี่ไฟฟ้าหลอกคนยิ่งกว่าผี ผีหลอกเรายังมีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่บุหรี่ไฟฟ้าถ้าหลงเชื่อไปทดลองสูบ มีแต่ทำลายสุขภาพ ดังนั้นไม่ควรไปแตะต้องใครที่สูบอยู่ควรเลิกจริงๆ"
บทสรุป: การควบคุมตนเองคือกุญแจสู่ความเท่ที่แท้จริง
กรมควบคุมโรคเน้นย้ำว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าอันตรายและไม่ปลอดภัย แม้จะมีความพยายามบิดเบือนข้อมูลว่าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน หรือมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทันสมัย และพกง่าย แต่ความจริงคือไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ หัวใจ สมอง และยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะถุงลมอักเสบเฉียบพลัน
วันเดอร์เฟรม ในฐานะศิลปิน ได้สื่อสารถึงเยาวชนว่า ความเท่ที่แท้จริงคือการควบคุมตัวเองได้ ไม่ใช่การต้องพึ่งพาสิ่งใดเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น ด้านน้องเอ ผู้ที่สามารถเลิกได้สำเร็จแล้ว ได้ให้กำลังใจว่า กำลังใจจากคนรอบข้างและครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ หากตั้งใจจริงก็จะสามารถเลิกได้อย่างแน่นอน เพื่อสุขภาพที่ดีของตนเอง
ด้านกรมควบคุมโรค และ สคบ. ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านร้านค้าหรือช่องทางออนไลน์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ทางแอปพลิเคชัน ทางรัฐ ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วน 1600 เพราะการหลงเชื่อบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่แค่การทำลายสุขภาพเท่านั้น แต่อาจหมายถึงการยอมรับ "ระเบิดพกพา" เข้ามาในชีวิต








