ประเพณี วัฒนธรรม : เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ได้มีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล 7 วัน (สัตตมวาร) เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายหลังเสด็จสวรรคต โดยมีนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศล 7 วัน (สัตตมวาร) พร้อมด้วย นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธี ภายในพิธีมีการนิมนต์พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์และประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมทั้งจัดโต๊ะหมู่บูชา ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พร้อมเตรียมจัดพิธีวาระครบ 15 วัน (ปัณรสมวาร) 50 วัน (ปัญญาสมวาร) และ 100 วัน (สตมวาร) แห่งการสวรรคต ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค อย่างสมพระเกียรติ
ในที่นี้ไขความหมายธรรมเนียมการบำเพ็ญกุศลแด่ผู้ล่วงลับ วาระครบ 7 วัน (สัตตมวาร) 15 วัน (ปัณรสมวาร) 50 วัน (ปัญญาสมวาร) และ 100 วัน (สตมวาร) จากข้อมูล "เกร็ดความรู้ด้านศาสนาและคติธรรมในงานพระราชพิธีพระบรมศพ" เรื่อง...ธรรมเนียมการบำเพ็ญกุศลแด่ผู้ล่วงลับในคติพุทธศาสนาและราชประเพณีไทย กรมการศาสนามาถ่ายทอด
พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช, ป.ธ.9, ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำว่า สัตตมวาร ปัณรสมวาร ปัญญาสมวาร และสตมวาร เป็นคำบาลี–สันสกฤต หมายถึง การครบกำหนดระยะเวลาของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งในบริบทของพิธีกรรมศพ หมายถึง “การทำบุญครบวาระ” เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ถึงแก่กรรม
ความหมายและลำดับของวาระการทำบุญ ในทางพระพุทธศาสนาเชื่อกันว่าหลังความตาย วิญญาณของผู้ล่วงลับจะยังคงอยู่ในภพภูมิชั่วคราว ก่อนจะไปเกิดในภพภูมิใหม่ตามกรรม วิญญาณจึงสามารถรับอานิสงส์จากการบำเพ็ญกุศลของผู้เป็นญาติได้ การจัดพิธีบำเพ็ญกุศลในวาระต่างๆ จึงมีนัยสำคัญในการส่งเสริมบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณ และเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีของผู้มีชีวิตต่อผู้ล่วงลับ โดยทั่วไป ครอบครัวชาวพุทธจะจัดให้มีการสวดพระอภิธรรมตั้งแต่คืนแรกของการถึงแก่กรรม และทำบุญอุทิศส่วนกุศลเมื่อครบ 7 วัน 15 วัน 50 วัน และ 100 วัน ตามลำดับ พิธีกรรมประกอบด้วย การถวายภัตตาหาร การสวดพระพุทธมนต์ การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล และการแสดงธรรมเทศนา ซึ่งอาจจัด ณ วัด หรือที่บ้าน ตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว
จากหนังสือ “ธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดงานพระบรมศพ” โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้อธิบายเรื่องพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร ไว้ว่า การจัดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ถือเป็นวาระสำคัญที่สุดวาระหนึ่งในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ การทำบุญอุทิศถวายพระราชกุศลในช่วงนี้ โดยเฉพาะในวันครบรอบ 100 วัน (สตมวาร) จึงเปรียบเสมือนการส่งบุญ เพื่อหนุนนำให้ดวงพระวิญญาณได้ไปสู่สุคติภูมิหรือ “สวรรคาลัย”
“พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร” ของราชวงศ์ไทยนั้น ยึดถือสืบต่อกันมาด้วยความเคร่งครัดตามโบราณราชประเพณี อันมีรากฐานจากคติสมมติเทพ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดทูนพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศ์ผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ณ เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งแดนทิพย์ในคติไตรภูมิ เป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมราชสำนักที่ผสมผสานหลักพระพุทธศาสนาเข้ากับวัฒนธรรมไทยอย่างวิจิตรและลึกซึ้งความต่อเนื่องของศรัทธาและคุณค่าทางจิตใจ
พิธีทำบุญในวาระ 7 วัน 15 วัน 50 วัน และ 100 วัน มิได้เป็นเพียงขนบธรรมเนียมทางศาสนาที่สืบต่อกันมาเท่านั้น หากยังเป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนเป็นกับคนตาย รวมถึงเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู ความระลึกถึง และความเชื่อในอำนาจแห่งบุญกุศล ที่เชื่อว่าสามารถเกื้อหนุนดวงวิญญาณให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมกันนั้น ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเยียวยาจิตใจของผู้ที่ยังอยู่ ให้ค่อยๆ ยอมรับและทำใจต่อการสูญเสียได้ ธรรมเนียมการบำเพ็ญกุศลในวาระต่างๆ จึงเป็นประเพณีที่ผสมผสานทั้งคติธรรม ความเชื่อ และคุณค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนไทย อันเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน
ในส่วนของการบำเพ็ญพระราชกุศล อุทิศถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังจัดให้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลไปจนกว่าจะถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ที่มา "เกร็ดความรู้ด้านศาสนาและคติธรรมในงานพระราชพิธีพระบรมศพ" เรื่อง...ธรรมเนียมการบำเพ็ญกุศลแด่ผู้ล่วงลับในคติพุทธศาสนาและราชประเพณีไทย ข้อมูลกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม 2568, บูรพา โชติช่วง เรียบเรียง







