ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ
รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นรัฐบาล โดยการได้เสียงโหวตจากพรรคประชาชนเป็นลมใต้ปีก สถานการณ์การเมืองไทยก็น่าสนใจมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะภายใต้กรอบเวลา 4 เดือนตามข้อตกลง การเมืองไทย วันนี้จะไปสู่จุดไหน เราสามารถคาดเดาสิ่งใดกันได้บ้าง? วันนี้มองโลกเหลียวไทยจะลองหันหน้าเข้ามามองภายในประเทศกันบ้าง เราจะมาลองวิเคราะห์ประเด็นนี้กันครับ
พรรคภูมิใจไทย แน่นอนว่าวันนี้ฮอตฮิตติดลมบน ได้รับกระแสเชิงบวกไปไม่น้อย กับการขยับขึ้นเป็นรัฐบาลอย่างเต็มตัวและมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรก การจัดตั้งครม.เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกระแสเชิงบวก โดยเฉพาะรัฐมนตรีคนนอกที่ดูแล้วเลือกได้ถูกฝาถูกตัวไม่น้อยกับสถานการณ์ต่างๆของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรมว.กต. และ รมว.พาณิชย์ ที่กลายเป็น Talk of the town จนทำเอาหลายๆฝ่ายเริ่มเป็นกังวลว่า เอ๊ะ นี่มันสำหรับรัฐบาล 4 เดือนจริงหรือ? หรือตั้งเผื่อไว้เกิดอภินิหารใดๆให้กลายเป็นรัฐบาลระยะยาว ก็คงต้องรอดูกันต่อไป แต่แน่นอนว่า งวดนี้ได้กระแสไปไม่น้อยจริงๆ สส.หลายพรรคทยอยกันตบเท้าเข้าร่วมงานกับภูมิใจไทยกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง หลายพรรคถึงขั้นดูท่าแล้วจะละลายหายไปจากสนามการเมืองเพราะสมาชิกย้ายมาซบอกภูมิใจไทยกันเกือบหมดพรรค จึงถือได้ว่า พรรคภูมิใจไทยวันนี้เป็น “ขาขึ้น” อย่างไม่ต้องสงสัย และน่าจะได้คะแนนไม่น้อยในงวดหน้า
พรรคเพื่อไทย วันนี้แลดูหงอยเหงา สส.หลายคนทอดทิ้งหนีหายย้ายฝั่ง ไปซบภูมิใจไทยแบบชัดเจนแล้วก็ไม่น้อย นี่ยังไม่นับพวกที่ยังไม่ไปไหนแต่ไม่โผล่หน้ามาร่วมงาน เรียกว่าใจไม่อยู่แล้วแต่ตัวยังกล้าๆกลัวๆ หลายคนอาจมองพรรคเพื่อไทยว่าแย่แน่ๆ งวดหน้าคงต่ำร้อย แต่ต้องไม่ลืมว่าฐานเสียงของเพื่อไทยนั้นเป็นฐานเสียงรากหญ้าที่มักเป็น “พลังเงียบเฉียบขาด” คือเสียงอาจจะเงียบแต่มักมีพลังทุกครั้งเพราะจำนวนที่มาก ยิ่งวันนี้นายใหญ่ของพรรคยอมติดคุก เชื่อได้ว่าได้ใจกองเชียร์ไปไม่น้อย รวมถึงปลดล๊อคจากการโดนโจมตีเรื่องนี้ได้สำเร็จ เพราะที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้ามกับนายใหญ่ก็มักเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักในการโจมตี งวดนี้พอติดคุกแล้ว จะไปเล่นงานพรรคเพื่อไทยเพราะเรื่องนายใหญ่ไม่ยอมติดคุก ก็คงจะเป็นแผ่นเสียงตกร่องที่โชว์คนทั้งโลกว่าพูดเพราะอคติ จึงถือได้ว่า สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย “แย่ลง” แต่ก็ยังไม่ได้แย่ชนิดละลายหายไปทั้งพรรค และยังน่าจะได้ลุ้นคะแนนอยู่ไม่น้อยในงวดหน้า
พรรคประชาชน วันนี้เหนื่อยไม่น้อย เพราะนอกจากจะยังมีคดี 44 สส.ที่ยังไม่รู้จะออกหมู่หรือจ่า วันนี้ยังต้องเผชิญกับกระแสด้านลบของพรรค โดยเฉพาะจากกรณีโหวตสนับสนุนให้คุณอนุทินขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแสลบนั้นก็ไม่ได้มาจากที่ไหนไกล มาจากแฟนคลับที่สนับสนุนพรรคนั่นเอง โจทย์ของพรรคประชาชนจึงต่างจากพรรคอื่น เพราะเป็นพรรคที่การโจมตีจากภายนอกทำอะไรไม่ได้ ด้วยความเข้มแข็งและเหนียวแน่นของแฟนคลับ แต่ก็กลับกลายเป็นดาบสองคนเช่นกัน เพราะการตัดสินใจทำอะไร ที่ดูแล้วไปขัดกับสิ่งที่เคยพูดไว้กับแฟนคลับกลับนำมาซึ่งความไม่พอใจจากภายในเอง ดังเช่นตัวอย่างกรณีการโหวตนายกอนุทิน เป็นต้น ต้องยอมรับว่าหลายสิ่งที่พรรคประชาชนนำเสนอเป็นสิ่งที่ดี เมื่อฟังแล้วรู้สึกมีความหวัง แต่ก็ยังหนีไม่พ้นคำถามของการทำได้จริงในโลกของความเป็นจริง ที่คนรู้มากในวงการการเมืองและราชการมักจะส่ายหน้า...ว่า “ยาก” เพราะหลายเรื่องจะนำไปสู่การสร้างศัตรูกับคนจำนวนมหาศาล ซึ่งนั่นจะเป็นกับดักชิ้นโตหากมีอำนาจในการบริหาร หากเดินหน้าเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามืออย่างที่ตั้งใจก็จะเจอแรงต้านชนิดแผ่นดินไหว 10 ริคเตอร์ก็ยังเบา หากจะเปลี่ยนแนวทางเพื่อให้บริหารงานได้ ก็อาจจะได้รับแรงกระแทกที่สูงกว่าจากแฟนคลับที่หมายมั่นปั้นมืออยากเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดิน แต่ด้วยกระแสพรรคที่โดนใจคนรุ่นใหม่และคนเมือง ก็คิดว่ายังคงได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นอยู่โดยเฉพาะเขตเมืองต่างๆ และจะยังเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงท่วมท้นอยู่ในการเลือกตั้งงวดหน้า
ในการเลือกตั้งงวดหน้า สำหรับ 3 พรรคนี้ พรรคภูมิใจไทยก็ขึ้นอยู่กับ 4 เดือนนี้ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรและทำได้ดีแค่ไหน ถ้ายุบสภาเลือกตั้งภายใน 4 เดือน ก็อาจจะได้กระแสด้านบวกว่าเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น ไม่บิดพลิ้ว ซึ่งก็อาจจะส่งผลดีกับภาพลักษณ์ของพรรคอย่างแน่นอน แต่ก็อย่าลืมว่า ผลดีจะไม่ได้ตกแค่ภูมิใจไทยเท่านั้น แต่จะตกไปถึงพรรคประชาชนด้วยเช่นกัน ภาพลักษณ์ด้านลบของประชาชนที่ถูกโจมตีว่า อ่อนต่อโลก และถูกหลอกเป็นแน่ ก็จะหายไป และจะกลายเป็นภาพของการอ่านเกมขาดและเล่นเกมเป็น และจะกลายมาเป็นคู่แข็งคนสำคัญที่สุดของภูมิใจไทยไปโดยปริยาย
แต่หากไม่ยุบสภาเลือกตั้งภายใน 4 เดือน งานนี้ภูมิใจไทยก็คงหนีไม่พ้นโดนโจมตี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ดูแล้ว “จงใจ” หรือ “จำเป็น” ที่จะไม่ยุบสภา หากจงใจก็คงไม่สวยเป็นแน่ แต่หากจำเป็น...คนที่รักก็ยังคงสนับสนุน และหวยจะไปตกที่พรรคประชาชน ซึ่งน่าจะโดนเต็มๆ โดยเฉพาะคำว่า “บอกแล้ว” “เห็นไหม” รวมไปจนถึงประเด็น “อ่อนต่อโลก” ตอกย้ำสิ่งที่โดนโจมตีอยู่ งานนี้พรรคประชาชนต้องเอาให้อยู่ รวมถึงพยายามเอา DNA ของพรรคอนาคตใหม่กลับมาให้ได้ เพราะวันนี้หลายคนก็เริ่มเบื่อว่าทำไมกลายเป็นพรรควาทกรรมไปเสียเยอะ โดยเฉพาะเหล่าปัญญาชนที่เคยมองพรรคนี้เป็นความหวัง
ในฝั่งพรรคเพื่อไทย งานนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะปั้นพรรคออกมาเป็นแบบไหน จะยังคงเก็บฐานเสียงและพลังที่มีได้อยู่หรือไม่ จะทำให้คนรู้สึกเป็นเจ้าของพรรคได้มากขึ้นหรือไม่ และที่สำคัญ ฐานเสียงที่เป็นรากหญ้ายังคงอยู่กับพรรคหรือไม่ การกินบุญเก่างวดนี้อาจจะพอได้บ้าง แต่ต้องตื่นจากฝันว่ามันจะไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ต้องรีบสร้างบุญใหม่ให้เป็นที่น่าเชื่อถือ หลังจากเลือกตั้งงวดนี้ ก็ต้องเป็นบุญใหม่ล้วนๆ อย่าหวังบุญเก่าเพราะจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป ถ้ายังอยากอยู่ในสมการการเมือง คงต้องรีบ “คิดใหม่ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน” อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ทั้งสามพรรคนี้ ประมาณการได้ว่า น่าจะเหนือ 100 ทุกพรรค และอาจจะแบ่งกันไปพอๆกัน ด้วยสมการการเมืองในปัจจุบัน น่าจะเป็นไปได้ยากที่จะมีพรรคไหนกวาดไป 2-3 ร้อย หรือแบบฟ้าถล่มดินถลาย
สัปดาห์หน้า มาดูพรรคอื่นๆกันต่อครับ
เอวัง








