ในช่วงปี 2568 สถานการณ์ที่กัมพูชาเป็นศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และ "สแกมเมอร์" ซึ่งมักถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "สแกมโบเดีย" ได้ทวีความรุนแรงจนเป็นวิกฤตความมั่นคงของพลเมืองสำหรับเกาหลีใต้ โดยมีข้อมูลที่น่าตกใจแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของเหยื่อชาวเกาหลีใต้ที่ถูกล่อลวงไปทำงานในฐานปฏิบัติการอาชญากรรมเหล่านี้
ข้อมูลสถิติชี้ว่าจำนวนคดีลักพาตัวชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาพุ่งขึ้นจากเฉลี่ย 10-20 คดีต่อปี เป็น 330 คดี ในเดือนสิงหาคม 2568 โดยเหยื่อเหล่านี้ถูกหลอกด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะได้รับค่าตอบแทนสูง ก่อนจะถูกค้ามนุษย์ ถูกบังคับใช้แรงงาน และถูกทรมานให้โทรศัพท์หลอกลวงเพื่อนร่วมชาติ นอกจากนี้ วิกฤตยังถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดเมื่อมีรายงานการ พบศพและกรณีการเสียชีวิตจากการถูกทรมาน ของพลเมืองเกาหลีใต้ในแหล่งสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
เพื่อรับมือกับวิกฤตดังกล่าว รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ยกระดับมาตรการทางการทูตและความมั่นคงอย่างรวดเร็ว เมื่อเร็วๆนี้ นายโช ฮยอน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำเกาหลีใต้เข้าพบ เพื่อแสดงความกังวลอย่าง "ร้ายแรง" และเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา ดำเนินการอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรมเพื่อกำจัดแก๊งสแกมออนไลน์ ท่าทีนี้สะท้อนความไม่พอใจอย่างสูงต่อความล่าช้าในการจัดการปัญหาของฝ่ายกัมพูชา
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ยังได้ออก คำเตือนด้านการเดินทางเป็นพิเศษสำหรับกรุงพนมเปญ และประกาศเตรียมใช้ "มาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติมถ้าจำเป็น" เพื่อปกป้องพลเมือง อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ยังคงเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ เนื่องจาก ขาดอำนาจในการสืบสวนคดีอาชญากรรมในดินแดนกัมพูชาโดยตรง ทำให้การให้ความช่วยเหลือและการนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษเป็นไปอย่างยากลำบาก
กรณีของ "สแกมโบเดีย" ไม่ใช่เพียงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แต่เป็น วิกฤตการค้ามนุษย์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งซับซ้อนและมีการประสานงานกันระหว่างแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติและเครือข่ายธุรกิจสีเทาในพื้นที่
การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัย ความร่วมมือด้านกฎหมายและการข่าวกรองที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ระหว่างเกาหลีใต้และกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการกวาดล้างและช่วยเหลือเหยื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายในทางการทูต การดำเนินการของเกาหลีใต้เป็นแบบอย่างที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลของประเทศที่มีพลเมืองตกเป็นเหยื่อจะต้องใช้ แรงกดดันทางการทูตอย่างต่อเนื่อง เพื่อบังคับให้ประเทศที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการต้องแสดงความรับผิดชอบและกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด ไม่ใช่เพียงแค่การดำเนินการเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
#สแกมโบเดีย #เกาหลีใต้ #กัมพูชา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ค้ามนุษย์ #ScamCambodia #Crime








