วันที่ 1ตุลาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด จากฤทธิ์พายุ “บัวลอย”ที่ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ในหลายพื้นที่ มวลน้ำจากเทือกเขาพนมดงรัก จากพื้นที่ ต.ตาตุมและ ต.เทพรักษา อ.สังขะฯได้พัดถนนขาดหลายแห่ง โดยเฉพาะสะพานบนถนนสายหลักเชื่อมระหว่างหมู่บ้านขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ที่ถูกมวลน้ำไหลเชี่ยวกัดเซาะจนคอสะพานชำรุดเสียหาย ทำให้การสัญจรลำบาก รถใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ จนท.จากแขวงการทางสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่ซ่อมแซมคอสะพานเพื่อให้รถยนต์สามารถสัญจรผ่านได้ ขณะที่พื้นที่อื่นๆองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือประชาชนและซ่อมแซมถนนจุดที่ชำรุดแล้ว หลังจากปริมาณน้ำ ในพื้นที่ตำบลต้นน้ำอาทิ ต.ตาตุม,ต.เทพรักษา และพื้นที่ อ.สังขะ เริ่มลดลงแล้วตามลำดับ

ขณะที่จังหวัดสุรินทร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป ซึ่งพบว่าในพื้นที่ อ.สังขะ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 12 ตำบล 122 หมู่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน นอกจากจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบ้านเรือนและเส้นทางแล้ว พื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่กำลังตั้งท้อง ก็ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังต้องมานั่งกังวลกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอีก เกรงจะเกิดสงครามรอบ 2 และจะอพยพหนีไม่ทัน เพราะถนนสายสำคัญได้รับความเสียหายและถูกน้ำท่วมอยู่บางจุด และกำลังซ่อมแซมอยู่ในขณะนี้

ด้าน นายสมยงค์ บุญเจือ อายุ 68 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 4 บ้านขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะฯ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงกังวลว่า ข้าวในนาที่ปลูกไว้กำลังจะได้เกี่ยว กลับมาถูกน้ำท่วมเสียหายหมดทั้งแปลง ชาวบ้านอย่างเราหวังพึ่งผลผลิตเพื่อเลี้ยงครอบครัว แต่ปีนี้แทบไม่เหลือ จึงอยากวิงวอนให้ทางภาครัฐเข้ามาดูแลและชดเชยความเสียหายบ้าง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ด้านนายทวีศักดิ์ บุญพงษ์ อายุ 47 ปี ชาวบ้านเสรีพัฒนา หมู่ที่ 15 ต.ตุม อ.สังขะฯ กล่าวเสริมว่า นอกจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว ชาวบ้านยังสะท้อนความกังวลว่า ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่สบายใจ เพราะยังคงมีเหตุการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หากเกิดเหตุไม่สงบขึ้นกะทันหัน ชาวบ้านอาจหนีไม่ทัน ยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งความเสียหายจากน้ำท่วมนาข้าว รายได้ที่ไม่มี และจะต้องอพยพอีกครั้งหรือไม่
#ภูมิภาค-62