เมื่อวันที่ 1 ต.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวระหว่างการพบปะกับนายพลในรัฐเวอร์จิเนีย ว่า หากเขาไม่ได้รับ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นั่นถือเป็น “การดูหมิ่นสหรัฐอเมริกา” อย่างร้ายแรง
ทรัมป์ กล่าวอ้างว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เขาได้ยุติสงครามไปแล้ว 7 ครั้ง และอาจยุติความขัดแย้งระหว่าง ฉนวนกาซาและอิสราเอล ซึ่งอาจนับเป็นสงครามครั้งที่ 8 ที่สิ้นสุดลงภายใน 8 เดือนของการดำรงตำแหน่ง
“หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราจะมีสงคราม 8 ครั้งที่จบลงภายใน 8 เดือน ผมสาบานต่อพระเจ้าว่า ไม่เคยมีใครทำได้แบบนี้มาก่อน แล้วคุณคิดว่าผมจะได้รางวัลโนเบลจากเรื่องนี้ไหม? แน่นอนว่าไม่! เพราะพวกเขาจะมอบให้กับคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย คนที่แค่เขียนหนังสือเกี่ยวกับโดนัลด์ ทรัมป์” โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวอย่างมั่นใจ
ทรัมป์ ยังย้ำว่า ตนเอง “ไม่ได้ต้องการรางวัลโนเบล” แต่เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาควรได้รับมัน เพราะหากไม่ได้รับรางวัลนี้ ถือเป็น “การดูหมิ่นประเทศชาติ”
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงความขัดแย้งระหว่าง รัสเซียและยูเครน โดยเชื่อว่า การยุติสงครามในยูเครนนั้น “ควรจะเป็นเรื่องง่ายที่สุด” แต่กลับกลายเป็นว่ายากกว่าที่คิด
“นี่คือปูตินและเซเลนสกี… ผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายที่สุดในบรรดาทุกสงคราม แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น” ทรัมป์ กล่าวสรุป
ก่อนหน้านี้ มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า ยุโรปกำลังพิจารณาวิธีการทางการทูตที่ไม่ธรรมดา เพื่อโน้มน้าวให้ทรัมป์หันมาสนับสนุนยูเครน โดยเสนอแนวคิดที่จะ มอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้ทรัมป์ ในฐานะ “ของขวัญทางการทูต”
ทั้งนี้ สมาชิกสภายูเครนได้ยื่น ร่างมติเรียกร้องให้คณะกรรมการโนเบลเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ขณะที่ ประธานาธิบดีอิลฮัม อาลีเยฟ แห่งอาเซอร์ไบจาน และ นายกรัฐมนตรีนิโคล ปาชินยา แห่งอาร์เมเนีย ก็ได้ประกาศเจตนารมณ์เช่นเดียวกัน สนับสนุนให้ทรัมป์เป็นหนึ่งในผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในปีนี้
#โดนัลด์ทรัมป์ #รางวัลโนเบล #NobelPrize #ทรัมป์ #ข่าวต่างประเทศ #สหรัฐอเมริกา #สงครามยูเครนรัสเซีย #ข่าวโลก #การเมืองโลก #Siamrath #Trump