วิทยาลัยนานาชาติ (IC) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เข้าร่วมงาน “Thailand–China Cooperation Expo 2025” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 กันยายน 2568 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตรนานาชาติ และเชื่อมโยงการศึกษาเข้ากับโลกธุรกิจในเวทีที่มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 3.7 ล้านล้านบาทระหว่างไทยและจีน โดยตลอดระยะเวลาทั้ง 3 วัน มีนักเรียนทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจสอบถามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงแนวโน้มความต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพตนเองผ่านการศึกษานานาชาติที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย
งานมหกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ซึ่งถือเป็นเวทีเชิงยุทธศาสตร์สำคัญระดับภูมิภาค ที่มุ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และแรงงาน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานโลกในอนาคต โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่ครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น Job Fair, Business Matching และ Conference โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Education Fair ที่เปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนจากทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษาระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบ เพื่อเตรียมบุคลากรคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานในโลกธุรกิจยุคใหม่
อาจารย์ศรัจจันทร์ พลอยบุศย์ อาจารย์ประจำหลักสูตรบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติ (IC) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และผู้ดูแลบูธ เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงานมหกรรมครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตรนานาชาติของ DPU และเปิดโอกาสให้นักเรียนไทยและต่างชาติได้เข้าถึงข้อมูลการศึกษาที่เชื่อมโยงกับโลกธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม
ภายในบูธของวิทยาลัยมีการนำเสนอหลักสูตรบริหารธุรกิจ (BBA) ที่ยังคงเป็นทางเลือกหลักที่ได้รับความสนใจสูงสุดจากนักเรียนไทย นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำ UOS Dual Degree / Top-Up Program (3+1) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มอบโอกาสให้นักศึกษาสามารถรับ“ปริญญาตรีสองใบ” ทั้งจาก DPU และ University of Sunderland ประเทศอังกฤษ เมื่อเรียนครบตามหลักสูตรทั้งหมดที่ DPU-IC ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมดังกล่าวจึงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มที่มองหาวุฒิการศึกษาจากสถาบันต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานระดับสากล
นอกเหนือจากวุฒิการศึกษา อาจารย์ศรัจจันทร์ ยังได้สังเกตเห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจ โดยระบุว่าทั้งผู้ปกครองและนักเรียนต่างให้ความสำคัญกับภาษาที่สามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาษาจีนที่หลายคนมองว่าเป็นภาษาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับการที่หลักสูตรสองภาษา (Bilingual Program) สาขาบริหารธุรกิจ ซึ่งจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน
อีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญและสอบถามมากที่สุดคือเรื่องที่พักอาศัย การเดินทาง และความปลอดภัยของนักศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ ซึ่งทาง DPU มีข้อดีในทั้งสามด้านนี้ นอกจากนี้ผู้ปกครองยังสนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับทุนการศึกษา ซึ่งทาง DPU-IC มีทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน 50% และ 25% โดยใช้คะแนน IELTS เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา
“สำหรับฟีดแบ็กจากงานนี้ทำให้เราเล็งเห็นว่าภาษาจีนมีความสำคัญอย่างยิ่ง และการที่เราจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในจีนให้มากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่เราควรต่อยอดต่อไปในอนาคต” อาจารย์ศรัจจันทร์ กล่าว พร้อมระบุว่า จากเสียงตอบรับนี้ วิทยาลัยจึงมีแผนที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับสถาบันต่างๆ ในประเทศจีนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยต่อยอดจากโครงการความร่วมมือที่ดำเนินการอยู่แล้ว อย่าง โครงการส่งอาจารย์จาก DPU ไปสอนที่ประเทศจีน ซึ่งตัวอาจารย์เองก็มีกำหนดเดินทางไปสอนเป็นระยะเวลาประมาณ 40 วัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายทางวิชาการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อาจารย์ศรัจจันทร์ กล่าวต่อว่า งานมหกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะดึงดูดนักศึกษาไทยและจีนเท่านั้น แต่ยังมีนักศึกษาจากชาติอื่นๆ ที่สนใจทั้งวัฒนธรรมไทยและภาษาจีนในเวลาเดียวกันอีกด้วย ซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากการเข้าร่วมงานครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาหลักสูตรและต่อยอดความร่วมมือทางวิชาการต่อไปในอนาคต
พร้อมกันนี้ อาจารย์ศรัจจันทร์ ยังกล่าวด้วยว่า ในปีหน้าถ้ามีเวทีระหว่างประเทศ DPU-IC ก็พร้อมที่จะเข้าร่วม เพราะกิจกรรมนี้ไม่ใช่เพียงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ แต่คือโอกาสในการฟังเสียงของผู้เรียน และปรับหลักสูตรให้ตอบโจทย์โลกที่เปลี่ยนไป ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถาบันที่มุ่งมั่นพัฒนานักศึกษาให้ค้นพบตัวตน และเติบโตเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด ภายใต้แนวคิด “DPU Intelligence : ปลุกศักยภาพ เปลี่ยนอนาคต”

