วันที่ 1 ตุลาคม 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลัง เน้นย้ำการปฏิบัติงานตามที่แถลงนโยบายกับรัฐสภาผ่าน Quick Big Win ในช่วงนี้กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกือบทุกสัปดาห์ ต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม 68 ผ่าน 5 เสาหลัก ผลักดันเศรษฐกิจ ประกอบด้วย
1.การช่วยเหลือดูแลกำลังซื้อรายย่อย เนื่องจากกลุ่มเปราะบางอาจไม่มีเงินสมทบ จึงแยกออกจากโครงการคนละครึ่ง และให้เงินไปใกล้เคียงกับ คนละครึ่งพลัส ผ่านบัตรสวัสดิการคนละ 1,700 บาท บวกเงินเดิม 200 บาท รวมเป็น 2,000 บาท/ราย ใช้เงิน 23,000 ล้านบาท เริ่มใช้จ่ายในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้
สำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส เฟสแรก หลังเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า 7 ต.ค.นี้ เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนยืนยันตัวตน ด้วยการเข้าไปกดรับเข้าร่วมโครงการผ่านแอปฯ เป๋าตัง สำหรับคนมีอายุ 16 ปี ขึ้นไป ตั้งแต่ 26 ต.ค.นี้ กลุ่มเป้าหมาย 20 ล้านคน ส่วนร้านค้ารายย่อย จากกลุ่มเดิมเคยร่วมโครงการ 1 ล้านราย และจะเปิดกลุ่มใหม่ ที่เป็นนิติบุคคล ประกอบกิจการร้านค้า ขายสินค้าทั่วไปประมาณ 5 พันราย เข้ามาลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. เป็นต้นไป เมื่อช่วยเหลือระยะสั้นให้มีกำลังซื้อ ผ่านงบ 44,000 ล้านบาท เพราะคนรายย่อยได้มาแล้วจะรีบใช้จ่ายกระจายไปทั่วประเทศ สองมาตรการนี้คาดว่ากระตุ้นจีดีพีได้ร้อยละ 0.2-0.4
2.การส่งเสริมการท่องเที่ยว เตรียมเสนอ ครม .ในอังคารถัดไป 14 ต.ค. เพื่อดึงให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจออกไปจัดกิจกรรม สัมมนาในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง หรือจะพักในเมืองหลักบางวัน เพื่อให้เงินกระจายออกไปต่างจังหวัด เพื่อให้ใช้งบในช่วงต้นปีงบประมาณ หากเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า หลังจากเคยทำมาแล้วในปี 61 รัฐสูญเสียรายได้เพียง 200 ล้านบาท แต่จูงใจให้คนออกมาท่องเที่ยว ร่วมโครงการ 1.2 แสนคน นับว่าช่วยกระจายเงินสู่ระบบเยอะมาก และยังมีมาตรการจูงให้ผู้ประกอบการ ปรับปรุงโรงแรมที่พัก นำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษี
3.การแก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ผ่านอารีย์สกอร์ โดยเชื่อมโยงข้อมูลกระทรวงการคลังกับหน่วยงานต่างๆ ทำให้รับรู้ข้อมูลได้มากขึ้น จะมีแนวทางการลดภาระหนี้ ตัดต้น ลดดอก เมื่อเป็นคนดี มีวินัย จะได้ลดการผ่อนชำระ จากเดิม 5,000 บาท/เดือน ลดเหลือ 1-2 พันบาท ทำให้มีเงินใช้จ่ายได้อื่นเพิ่มเติม หากเป็น SME เมื่อมีคำสั่งซื้อ ออเดอร์ค้างอยู่ นำมาค้ำประกันการกู้ได้ด้วย มาตรการแก้ปัญหาหนี้จะมีอีกหลายช่วยเหลือเพิ่มเติม
4.แนวทางส่งเสริมการออมระยะยาว ผ่านการซื้อสลากฯ สำหรับคนซื้อสลากดิจิทัล แต่ไม่ถูกรางวัล จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ลงทุนผ่านกองทุน โดยนำเงินร้อยละ 17 ของยอดขายสลาก นำมาบริหารจัดการ คืนเงินให้เมื่ออายุ 55 ปี หรือผู้สูงอายุซื้อ ต้องใช้เวลา 5 ปี นำเงินมาคืนให้พร้อมผลตอบแทน กระทรวงการคลัง ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คาดว่าสรุปได้ในเร็วๆ นี้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุ ซื้อพันธบัตรรัฐบาลด้วยตนเองทุกเดือน สะดวกมากขึ้น เพื่อออมเงินในระยะยาว
5.การส่งเสริมการลงทุน คลังจะร่วมมือกับบีโอไอ ดึงดูการลงทุนทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในเขตอีอีซี เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขออนุญาตขอใช้น้ำประปา ไฟฟ้า ต้องมีความพร้อม เนื่องจากแผนลงทุนกับบีโอไอ จำนวน 4.7 แสนล้านบาท จะทำให้เกิดการลงทุนจริงมากขึ้น ด้วยระบบ fast Pass เมื่อนักลงทุนเห็นความตั้งใจแก้ไขกฎระเบียบ จะทำให้จัดสินใจลงทุนมากขึ้น มองว่าโครงการต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 จากเดิมคาดว่าขยายตัวอยู่ในหลุมดำร้อยละ 0.3 เพิ่มเป็นร้อยละ 1
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลค่าเงินบาท ยอมรับว่าเงินบาทแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา มาจากการเดินดุลบัญชีเดินสะพัดเยอะมาก จากการเร่งส่งออกในช่วงก่อนภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้ เมื่อผู้ส่งออกได้สกุลดอลลาร์สหรัฐมา จึงมาแลกเป็นเงินบาท ทำให้บาทแข็งค่า และยังมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรจำนวนมาก เพื่อนำดอลลาร์สหรัฐมาแลกเป็นบาท จึงแข็งค่า ขณะนี้เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงมาบ้าง แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแก้หาหนี้ภาคประชาชน จะร่วมมือกับทุกหน่วยงาน หลังจากมีปัญหาช่วงโควิด-19 จึงต้องมุ่งเติมสภาพคล่องให้กับรายย่อย พร้อมเปิดทางพิเศษให้กับผู้ประกอบการที่เป็นเด็กดี มีวินัย โดยรับงานจากภาครัฐ ให้ยื่นกู้โดยมี บสย. ค้ำประกัน เตรียมวงเงินเอาไว้รองรับ 50,000 ล้านบาท มาตรการแก้ปัญหาหนี้จะมีอีดหลายด้านช่วยเหลือหลายกลุ่ม