"รังสิมันต์ โรม" กมธ.ความมั่นคงฯ ประกาศเชิญ "อนุทิน" แจงด่วนพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) หลัง รมว.ดีอี ปูดมีคนเสนอ 40 ล้าน/เดือน แลกกับการปล่อยผ่านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เชื่อใหญ่เกินกว่า รมต.ดีอี จะรับมือคนเดียว เพราะเป็นเครือข่าย อาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเงินหมื่นล้านและกำลังใช้ "ทุนสีเทา" ยึดชาติ จี้ทลาย "หัวขบวน" อย่าง "เบนจามิน" เชื่อมโยงผู้มีอำนาจระดับสูงในกัมพูชาและนักการเมืองไทย พร้อมจี้ ร.อ.ธรรมนัส เข้าให้ข้อมูล เพราะเป็น พยานปากสำคัญ ย้ำหากบริสุทธิ์ใจ ต้องจัดการทันที เพราะความเสียหายมูลค่ามหาศาล และ "ความเงียบ" ของรัฐบาลเท่ากับการส่งสัญญาณว่า ไม่เอาจริง กับเรื่องเร่งด่วนระดับชาติ
วันที่ 1 ต.ค. 2568 เวลา 13.50 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาฯ กล่าวถึงกรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ระบุว่ามีผู้ติดต่อเสนอเงินให้เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์หลอกลวง นายไชยชนกไม่ควรเงียบ เพราะการเงียบเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ รัฐมนตรีดีอี ไม่เอาจริงเอาจริงกับการปราบปรามแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เฟคนิวส์ จึงควรใช้โอกาสในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก ซึ่งสิ่งที่ตนได้อภิปรายในสภาฯและฉายภาพให้เห็นนายหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย รวมถึงยังมีความสนิทกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเชื่อว่าร.อ.ธรรมนัสเป็นพยานปากสำคัญในการให้ข้อมูล จึงต้องดูเส้นเงินเพื่อนำไปสู่การปราบปรามหัวขบวนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากหัวขบวนถูกทำลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติก็จะถูกทำลายเช่นกัน หากจะหวังแค่ปราบปรามในเรื่องของบัญชีม้าหรือจับตัวเล็กตัวน้อยก็จะแก้ปัญหาไม่จบ ตนนำข้อมูลมาป้อนขนาดนี้แล้วว่ามีหัวขบวนสำคัญเป็นใครบ้างก็ควรจะเร่งทำงานในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ผู้ที่เสนอเงินเดือนละ40ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มเล็กหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ โดยธรรมชาติของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นเครือข่ายที่มีหลายคนและหากติดศีลบนจริงคงไม่ใช่แค่รัฐมนตรีคนเดียวแน่นอน อาจจะมีเงินถึงหมื่นล้านเพื่อติดสินบนในส่วนอื่น ควรถือโอกาสในการปราบปรามและเล็งไปที่หัวขบวนต้นตอที่เป็นปัญหาและไปถึงรากที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่น เช่น บริษัทใหญ่ที่มีความพยายามฮุบหุ้นบริษัทไทย ต้องไปดูว่าเป็นเงินของกระบวนการของคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ เมื่อวานนี้(30ต.ค.) ตนได้อภิปรายในเรื่องดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัส ก็หายจากบนบัลลังก์ แต่มาประชุมครม.นัดพิเศษที่สภาได้ ซึ่ง หมายความว่าอยู่ในสภาแต่ไม่ได้มาชี้ ในที่ประชุม เช่นเดียวกับนายอนุทินก็หายตัวไปในเวลาดังกล่าวตนคิดว่าอย่าทำให้ ว่ารู้เรื่องนี้กับเขาด้วย หากบริสุทธิ์ใจและไม่มีส่วนเกี่ยว ไม่ได้ใช้อำนาจรัฐในการปกป้องและปกป้องนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ต้องสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้
เมื่อถามว่านายอนุทินได้โยนให้นายไชยชนกชี้แจงนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่ารัฐมนตรีดีอีจะชี้แจง ต้องดูเส้นทางการเงินมีหน่วยงานอาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรื่องนี้ไม่ใช่คดีแค่ภายในประเทศหากเป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องระดับโลก เพราะเรากำลังเห็นปรากฏการณ์ที่กลุ่มทุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำเงินนับแสนล้านบาทมายึดชาติของเรา เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด และเรื่องนี้จะส่งผลดีในการทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาดีขึ้น เพราะผู้มีอำนาจของกัมพูชารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งเศรษฐกิจการค้าปกติ ตราบใดที่เงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เยอะ ขนาดประเทศไทยควรจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และคนที่ควรจัดการมากที่สุดคือนายเบนจามิน
“หากรัฐมนตรีดีอีไม่ทำอะไร ก็อาจผิดกฎหมายด้วย เบื้องต้นในวันพรุ่งนี้กมธ.ความมั่นคงฯ จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้โดยตรง เพราะมีการเชิญนายอนุทินที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งมาชี้แจง และหวังว่าจะ ร่วมมือ เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องลับ ทุกคนรู้จักกันหมด ก็แปลกดีที่ทุกคนพากันเงียบขนาดนี้ เรื่องนี้คือเรื่องเร่งด่วน” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการเชิญร.อ.ธรรมนัส มาชี้แจงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เดี๋ยวมีอีกหลายรอบ ตนมีข้อมูลว่าร.อ.ธรรมนัสมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ขอเอาหน่วยงานตัวตั้งต้นก่อน และสาเหตุที่ต้องเชิญนายอนุทินเพราะต้องดูหัวก่อน ถ้าหัวไม่ขยับก็ยากต้องดูท่าทีของนายอนุทินว่าจะเป็นแบบไหนหากต้องการเอาจริงเรื่องนี้ก็จะแก้โดยง่าย กมธ.ก็อาจจะไม่ต้องออกแรงมากเกินไป
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินการยื่นไปที่หน่วยงานอื่นอีกหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรามีข้อมูลตั้งต้นแล้วหากหน่วยงานขยับทันที ทุกอย่างก็จบ หากหน่วยงานไม่ทราบอะไรเลย ยังมาขอก็ต้องวางยุทธศาสตร์การทำงานอีกแบบ