ได้เห็นโมเดลแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยกันแล้ว โดยเฉพาะรูปแบบของได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.ของแต่ละพรรค โมเดลของ พรรคภูมิใจไทย ถูกมองว่าเป็น “ทางเลือกที่ปลอดภัย” และเป็นไปได้มากที่สุด
พิเคราะห์อย่างสังเคราะห์ โอกาสความสำเร็จของโมเดลสสร.ภูมิใจไทย มีโอกาสสูงที่จะเดินหน้าในรัฐสภาและผ่านข้อจำกัดของกฎหมาย โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง” โมเดลของพรรคภูมิใจไทยสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถูกออกแบบให้ “เลือกโดยอ้อม”
โดยใช้กลไกให้ผู้สนใจ สมัคร แล้วให้ รัฐสภา เป็นผู้คัดเลือก สสร. 99 คนในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเลียนแบบ สสร. ปี 2539 (รธน. 2540) โมเดลนี้จึงถูกมองว่า "ปลอดภัย" จากการถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญซ้ำในประเด็นความชอบธรรมทางที่มาของผู้ยกร่างฯ
ขณะที่การใช้เสียง เกินกึ่งหนึ่ง ของรัฐสภา ในการคัดเลือก สสร. ทำให้ พรรคร่วมรัฐบาล มีอำนาจควบคุมองค์ประกอบของ สสร. ได้อย่างเด็ดขาด หากฝ่ายรัฐบาลผนึกกำลังกับ สว. ได้เสียงถึง 351 เสียง ก็สามารถผลักดันบุคคลที่สนับสนุนแนวทางของพรรคตนเองเข้าสู่การเป็น สสร. ได้เกือบทั้งหมด ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในการยกร่างฯ ตามที่ต้องการ
ซึ่งมองบริบทการเมืองไทย กาคเคลื่อนไหวของสส.ที่ย้ายเข้ามาสังกัดพรรคภูมิใจไทยทั้งในทางเปิดเผยทั้งในทางลับ ก็มีโอกาสที่จะรวบรวมเสียงถึง 351 ได้ไม่ยาก แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย 146 เสียง และมีสว.สายสีเงิน 160 เสียง
แม้จะมีความเสี่ยงที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "การผูกขาด" หรือ "กินรวบ" เนื่องจากช่องทางสู่ "สสร. สีน้ำเงิน" ด้วยกลไกการคัดเลือกด้วยเสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา เปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองและกลุ่ม สว. ที่มีเอกภาพ สามารถ ชี้นำการเลือก สสร. 99 คนได้เบ็ดเสร็จ ส่งผลให้ สสร. ที่ได้มามีความเป็นอิสระต่ำ
จึงน่าสนใจว่า เกมการตั้งสสร.นี้ ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคประชาชน จะพ่ายเกมของ เนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคภูมิใจไทย ซ้ำรอยเลือกสว. หรือสว.สีน้ำเงิน ที่เป็นหนามยอกอกของทั้งคู่อยู่ในตอนนี้อีกหรือไม่
#สสรสีน้ำเงิน #เกมยกร่างรัฐธรรมนูญ #ภูมิใจไทย #ศึกการเมืองไทย #เลือกตั้งอนาคตไทย #การเมือง