ทีมข่าวคิดลึก สิ่งที่ "วันชัย สอนศิริ" สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ (สปท.) ส่งสัญญาณออกมาว่า หากคนชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่กลับประเทศไทย "ความสมานฉันท์" จะเกิดขึ้นได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าทักษิณ กลับมาเมื่อไหร่ "ความขัดแย้ง" ซึ่งเป็นเรื่องขวางการปรองดอง จะมีมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ! สัญญาณที่วันชัย ส่งถึง "คนไกลที่ต่างแดน" ครั้งนี้ แท้จริงแล้วต้องถือว่า "เร็วเกินไป" ที่จะออกมา"แบไต๋" ในห้วงที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในความสงบ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และรัฐบาลที่มี "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัว หน้า คสช. กำลังสร้างถนนสายปรองดอง ควบคู่ไปกับการการปฏิรูปประเทศ และทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะสัญญาณสกัดทักษิณออกนอกพื้นที่ของการปรองดองเช่นนี้ ย่อมมีแต่จะสร้าง "แรงกดดัน" ปลุกเร้าให้เครือข่ายอำนาจของทักษิณ เองตีตัวออกห่าง เดินหันหลังจากวงปรองดอง ของ บิ๊กตู่ ไปโดยปริยาย ! แน่นอนการสร้างความปรองดอง นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแท้จริงแล้ว "ความขัดแย้ง" จากอุดมการณ์ทางการเมือง นั้นไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่สงบนิ่งอยู่ในที่ตั้งของแต่ละฝ่าย และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ยังไม่มีสามารถการันตีได้ว่า "คนกลาง"นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ?แต่ถึงกระนั้นเมื่อวันนี้ คสช. คือผู้ที่ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ในมือ มีทั้งโอกาส และเครื่องมือกลไกที่จะขับเคลื่อนทุกอย่างให้เดินต่อไปข้างหน้าได้มากที่สุดก็ตาม แต่สิ่งสำคัญไปกว่าการใช้อำนาจ คือการอาศัยความร่วมมือร่วมใจ ไม่ทำให้ "วงแตก"ไปเสียก่อนตั้งแต่เริ่มต้น วันนี้นักการเมือง ทั้งจากพรรคเพื่อไทย และส่วนหนึ่งที่เฝ้ามองโอกาส หากสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย ต่างประเมินสถานการณ์ว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร ไปจนถึงก่อนวันเลือกตั้ง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะวางกลไกลิดรอน ตัดกำลังจนทำให้พรรคใหญ่มีอันต้องถูกย่อยสลายจริงหรือไม่ เพราะหากพรรคเพื่อไทยยังอยู่ในเป้าหมายที่จะถูกทำให้เป็นพรรคเล็กลง แกนนำที่อยู่ในพรรค ไปจนถึง "คนนอก" คงต้องคิดหนักว่าจะเลือกสวมเสื้อพรรคลงสนามหรือไม่ขณะเดียวกัน เป้าหมายที่จะบีบให้ทักษิณ และครอบครัว "ชินวัตร"ต้องวางมือทางการเมืองนั้นว่ากันยังมีอยู่ แต่ยังไม่ใช่จังหวะเวลาที่จะต้องเปิดหน้าประกาศทิศทางกันตรงไปตรงมา เนื่องจากจะเป็นการสร้างแรงกดดันและปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาก่อนเวลาอันควร จนทำให้งานใหญ่ยังไม่ทันได้เริ่มต้น ! ปฏิบัติการ เขี่ยทักษิณ พ้นวงจรทางการเมือง ยังเป็นข้อสงสัยที่สร้างความหวาดระแวง และทำให้แกนนำพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง "คนเสื้อแดง" บางส่วน เริ่มไม่มั่นใจว่าที่สุดแล้ว พวกเขาจะต้อง "เลือก" ทางไหน เพื่อเอาพรรคให้รอด หรือให้ตัวเองรอด เป็นคำตอบสุดท้าย ! สถานการณ์และบรรยากาศทางการเมืองในวันนี้ จึงไม่มีอะไรที่นำไปสู่การไว้วางใจซึ่งกันและกันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่กำลัง "ลงมือ" สร้างความปรองดอง อย่างคสช. ที่ส่ง "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงมารับบท "มิสเตอร์ปรองดอง" ด้วยตัวเอง ยังคงต้อง "ใช้เวลา"ประสานสิบทิศ เพื่อเปิดการเจรจานอกรอบให้สะเด็ดน้ำ ก่อนที่จะเปิดโต๊ะการเจรจาวงใหญ่ เป็นลำดับต่อไป