การเลือกตั้ง ครั้งหน้าแม้ยังมาไม่ถึง แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า ทุกขั้ว ทุกค่าย ทุกเสื้อสี จะยืนนิ่ง โดยไม่มีใครไม่ฟุตเวิร์ค ไปตามจังหวะการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อห้วงเวลาใดที่ สถานการณ์เป็นใจ หากไม่เลือกฉวยเอาไว้ เพื่อสร้างแต้มต่อ หรือเขย่าขวัญฝ่ายตรงข้าม ก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายนัก ! คำถามที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้ส่ง อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก ลงมาเล่นในสนามการเมือง เป็นเสมือนตัวตาย ตัวแทนของพ่อ ได้วนกลับมาที่เดิม นั่นคือประเด็นที่ว่าด้วยการเปิดโต๊ะเจรจากับ พรรคพลังประชารัฐเพื่อร่วมมือกันตั้งรัฐบาลผสม หลังการเลือกตั้งรอบหน้า ล่าสุดทักษิณ ได้ตอบคำถามผ่านคลับเฮ้าส์ เมื่อคืนวันที่ 30 มี.ค.65 ว่า ไม่มี พร้อมทั้งยังสาบานด้วยซ้ำว่าไม่เคยพูดคุยกับใคร และที่สำคัญตนเองไม่มีสถานะอะไรที่จะไปเจรจาเรื่องดังกล่าวกับใครได้ แน่นอนว่า การตอบคำถามของทักษิณ ครั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากปัญหาความสุ่มเสี่ยงทางข้อกฎหมาย กรณีที่ คนนอก ครอบงำพรรคการเมือง ตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง เพราะอย่าลืมว่าที่ผ่านมา การกระทำของทักษิณ ที่ส่งสัญญาณทางการเมือง ได้ทำให้ พรรคเพื่อไทย ตกที่นั่งลำบากมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ยังไม่อาจตัดรอน หรือปิดประตูการเจรจาลับทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคการเมืองอื่นๆ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากตราบใดที่เป้าหมายการเดินไปสู่ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เพื่อตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เหมือนในยุคพรรคไทยรักไทย ยังอยู่ห่างไกลจากความเป็นจริง ยิ่งเมื่อวันนี้มติจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ให้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเป็น คนละเบอร์ ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มากขึ้น เพราะแม้จะได้กติกาที่พอใจคือ บัตร2ใบ ตามที่ต้องการแล้วก็ตาม แต่หากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเป็นคนละเบอร์ ตามมติของที่ประชุมเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทย และจะยิ่งทำให้โอกาสกวาดส.ส.เข้าสภาฯ ชนิดถล่มทลาย อาจห่างไกลออกไป การเปิดดีลลับเพื่อรับไมตรี จากพรรคการเมืองสำหรับพรรคเพื่อไทย ในวันที่พรรคยืนอยู่บนความได้เปรียบ -เสียเปรียบที่แตกต่างกัน ทั้งก่อนไปจนถึงหลังเลือกตั้งนั้น คือปัญหาและเงื่อนไขที่จะกดดัน ทั้งตัวทักษิณ ไปจนถึงอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร อย่างไม่ต้องสงสัย หากพรรคเพื่อไทย ไม่ชนะได้ตามเป้าหมาย โอกาสที่จะเป็นฝ่ายรับเงื่อนไขจากฝั่งตรงข้าม หรือแม้แต่ พรรคการเมืองหน้าใหม่ที่แยกตัวจากพรรคเพื่อไทย แล้วไปเปิดบ้านใหม่ ยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่ในฐานะที่กุมความได้เปรียบ หรือหากเมื่อเข้าใกล้การเลือกตั้ง กระแสยุบพรรคยิ่งดังกระหึ่ม มากเท่าใด โอกาสที่จะถูกทิ้งให้เป็น ฝ่ายค้านต่ออีกสมัยหน้า จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การเปิดดีลการเมือง จึงยังไม่มีอะไรที่เป็นคำตอบสุดท้าย สำหรับพรรคเพื่อไทยและทักษิณ !