ปัญหาการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อำนาจต่อรองของผู้ผลิตวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ในปัจจุบัน ทั่วโลกฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 300 ล้านโดส และบางประเทศได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ในขณะที่บางประเทศเกิดการระบาดซ้ำ จนบางประเทศต้องประกาศล็อกดาวน์ เช่น อินเดีย ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ใน 5 รัฐที่เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด เช่น รัฐมหาราษฏระ,รัฐปัญจาบ รัฐคุชราต รัฐฉัตตีสครห์และรัฐทมิฬนาฑู รณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้าน ห้ามประชาชนออกจากบ้านในยามค่ำคืน จากวันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ เพื่อลดการแพร่ระบาด ขณะที่ นายกรัฐมนตรีเนเธอแลนด์ นายมาร์ค รุตเตอ ประกาศขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไปจนถึงวันที่ 20 เมษายน หลังจากที่ยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศไทย แม้การระบาดรอบใหม่ จะปะทุอีกครั้งจากคลัสเตอร์บางแคแต่มีแนวโน้มคลี่คลาย จึงมีสัญญาณการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ กรณีองค์การเภสัชกรรม ได้ฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร โดยเป็นวัคซีนที่คนไทยผลิตเองจากเชื้อตายโควิด-19 นั้น โดยเป็นวัควีนที่ร่วมพัฒนากับสถาบันทางการแพทย์ของอเมริกา ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมมีเทคโนโลยีนี้และมีโรงงานวัคซีนนี้อยู่แล้ว จึงได้มีการพัฒนาและวิจัยขึ้นมา จนมาถึงขั้นที่ได้ฉีดในอาสาสมัคร จำนวน 100 กว่าคน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ถ้าเราสามารถทำตรงนี้ได้ เราก็จะมีวัคซีนไทยแลนด์ ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีก็คือคนไทย โดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งการพัฒนาก็จะเป็นไปในหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตวัคซีนเองและมาฉีดให้คนไทยเอง ซึ่งทราบว่าความสามารถในการผลิตอยู่ที่ 30 ล้านโดส ต่อปี นี่คือเบื้องต้น แต่ถ้าประสบผลสำเร็จ จะสามารถขยายกำลังการผลิตได้ในอนาคต เพราะขนาดบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ยังผลิตได้ตั้ง 200 ล้านโดส ต่อปี สิ่งเหล่านี้คือการทำให้คนไทยทุกคนมั่นใจได้เลย อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กในประเด็นวัคซีนโควิดกับการเมืองระดับโลกโดยมีเนื้อหาระบุว่า การให้วัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อวันเป็นจำนวนมาก จะเห็นว่าขณะนี้ให้ไปแล้วมากกว่า 475 ล้านโด๊ส มากกว่าที่เคยคาดคิดไว้ ภายในสิ้นเดือนนี้เกิน 500 ล้านโด๊ส แน่นอนเราจะเห็นว่าวัคซีน มีส่วนที่จะโยงไปถึงการเมืองแน่นอน ไม่ใช้เฉพาะประเทศเรา เช่น ต่อไปนี้ถ้าจะไปประเทศจีน จีนบอกว่า ต้องฉีดวัคซีนของจีนเท่านั้น ไปยุโรป ก็จะต้องใช้วัคซีนยุโรปหรือจะไปอเมริกา จะต้องฉีดวัคซีนอเมริกาเท่านั้น ไทยเราจะอยู่ตรงไหน และในประเทศไทยไม่มีวัคซีนของตัวเอง ก็อย่าเอาวัคซีนให้มาเป็นเรื่องการเมืองของเราเลย เราทำอย่างไรให้คนของเราได้รับวัคซีนในการควบคุมโรคให้เร็วที่สุด และหยุดวิกฤตโรคโควิด-19 ให้ได้ ประเด็นนี้ เป็นสิ่งที่มนุษยชนต้องเรียกร้อง เป็นเสียงเดียวกันทั่วโลก ไม่เฉพาะไทยที่จะต้องตระหนักในเรื่องนี้ที่จะอาจกลายเป็นชนวนสงครามในอนาคต