ท่ามกลางข่าวความขัดแย้งทางการเมือง จากกรณีจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติ ที่กำลังถูกตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ ก็เป็นจังหวะที่ปี่กลองเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครปฐม เขต 5 ดังขึ้นในห้วงเวลานี้ โดยสนามนี้จะเป็นสนามเลือกตั้งสำคัญที่จะวัดเรตติ้ง ระหว่างพรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล แม้ในส่วนของรัฐบาลเอง จะเกิดปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีพรรคส่งสมัครแข่งขันกันเองถึง 2 พรรคคือ พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคชาติไทยพัฒนา ที่อาจส่งผลให้เสียงสนับสนุนแตกก็ตาม แต่ผลการเลือกตั้งส.ส.นครปฐม ที่พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะตัวแทนของฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นแชมป์เก่าก็ถือว่ามีเดิมพันสูงพอสมควร ขณะที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเอง ถูกฝ่ายค้านเดินเกมทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเอาเหตุผลเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลก็แก้ทางด้วยการเปิดเวที “ประชาธิไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้ก็กินได้” ให้ประชาชนเลือกเลยว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือจะสร้างอาชีพสิ่งไหนดีกว่ากัน ผลิตวาทกรรม “ประชาธิปไตยที่กินอิ่มกินได้โดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ” กระนั้น การต่อสู้ในทางการเมืองดำเนินไป บนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทย ที่ล่าสุดปรับลดลงเหลือขยายตัว 2.8 % ต่ำกว่า 3 % โดยนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าสาเหตุสำคัญเป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างประเทศที่มีผลกระทบรุนแรงต่อปริมาณการค้าโลก ขณะที่ไทยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเปิดต้องพึ่งพิงการส่งออกค่อนข้างมาก จึงทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ปัญหาสงครามการค้าโลกที่ยังไม่มีแนวโน้มจะจบลงได้เริ่มส่งผลกระทบไปสู่การลงทุนของภาคเอกชนในบางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกชะลอตัวลง การจ้างงานบางภาคอุตสาหกรรมก็ชะลอตัวลงเช่นกัน และส่งผลมาถึงรายได้ของแรงงานด้วย อย่างไรก็ดี การปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลงเหลือเติบโตเพียง 2.8% แม้จะชะลอลงจากปีก่อน และเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติแต่อย่างใด เนื่องจากเศรษฐกิจมีวัฎจักรขึ้นลงและขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยจากต่างประเทศถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศช่วงปลายปี "ชิม ช้อป ใช้" ที่รัฐบาลออกมาล่าสุดจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนให้เพิ่มขึ้นหรือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้มากน้อยเพียงใดนั้น คงต้องใช้เวลาประเมินผลอีกสักระยะ ทั้งนี้ ทั้งนั้น ตังเลขเศรษฐกิจที่ปรากฎ ก็ยังไม่เท่ากับสภาพความเป็นจริงของประชาชน ผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สวมหัวโขนเป็นหัวหน้าหน้าทีมเศรษฐกิจ จึงเป็นหัวใจสำคัญ ในการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชน หากประชาชนอิ่มท้อง ไม่ปัญหาข้าวยาก หมากแพงจะสามารถฝ่าฟันโจย์ยากๆ ทางการเมืองไปได้