บทความ บทวิเคราะห์

ถ่านไฟเก่าคุ!! คนใต้หวนเทใจ “อภิสิทธิ์–ปชป.” สัญญาณอันตราย “พรรคประชาชน” 

แชร์ข่าว

ภาพการเมืองภาคใต้หลังเลือกตั้งปี 2566 เคยทำให้หลายคนเชื่อว่า “ยุคประชาธิปัตย์จบสิ้นแล้ว” ถิ่นที่เคยเป็นแลนด์สไลด์สีฟ้ามานาน กลับถูกเจาะ ถูกแย่ง และถูกเปลี่ยนมือให้แก่พรรคใหม่อย่าง “พรรคประชาชน” รวมถึงพรรคทุนหนาในรัฐบาลชุดปัจจุบัน   

พรรคเก่าแก่ที่เคยยืนหยัดกลางลมพายุ ถูกมองว่าเป็นเพียงเรือเก่าที่กำลังฝ่าคลื่นลูกใหม่อย่างทุลักทุเล  

แต่ผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพลกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เพราะถ่านไฟเก่าที่หลายคนคิดว่ามอดไปแล้ว กำลัง “คุ” ขึ้นมาอีกครั้งในหัวใจของคนใต้แบบคาดไม่ถึง โดยการสำรวจระหว่างวันที่ 18–24 พฤศจิกายน 2568 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนใน 14 จังหวัดภาคใต้ พบว่า เมื่อถามถึงบุคคลที่อยากสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ แม้อันดับหนึ่งจะเป็นผู้ตอบว่า “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” สูงถึง 32.25%  

ทว่า สิ่งที่ทำให้ทั้งวงการการเมืองต้องชะงักคือ อันดับสองกลับเป็นชื่อที่หลายคนเคยปิดบัญชีไปแล้ว— “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ทะยานขึ้นมาถึง 25.65% ทิ้งห่างทั้งอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้ 15.40% และ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งได้เพียง 12.85% อย่างมีนัยสำคัญ  

ยิ่งกว่านั้น เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนใต้จะเลือกในวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์กลับแซงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 28.60% ขณะที่พรรคประชาชน ซึ่งเคยแรงทะลุเพดานในการเลือกตั้งปี 2566 และยังนำในโพลระดับชาติมาก่อนหน้านี้ กลับรั้งอันดับสามในภาคใต้ด้วยคะแนนเพียง 17.80% เท่านั้น  

ตัวเลขทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงผลโพลธรรมดา แต่สะท้อน “อารมณ์ทางการเมือง” ที่กำลังเปลี่ยนทิศอย่างชัดเจน คนใต้กำลังหันกลับไปมองถ่านไฟเก่าอย่างอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ด้วยสายตาใหม่ ต่างจากภาพความพ่ายแพ้เมื่อปี 2566 อย่างสิ้นเชิง 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนใต้เทใจกลับไปหาอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์เริ่มจากความจริงที่ว่า การเลือกตั้ง 2566 คือจุดต่ำสุดของประชาธิปัตย์ในถิ่นตัวเอง พรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคใหม่ ภาพลักษณ์ทันสมัย กล้าชน เป็นที่พึ่งของคนรุ่นใหม่ ถูกชูเป็นความหวังใหม่ในวันที่ผู้คนเบื่อความซ้ำซากของพรรคเก่า โพลระดับชาติหลังเลือกตั้งก็สะท้อนว่าพรรคประชาชนเคยขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งของประชาชนทั้งในด้านหัวหน้าพรรคและคะแนนนิยมรวม ขณะที่ประชาธิปัตย์หล่นอย่างน่าใจหาย 

กระนั้น การเมืองไม่ใช่เกมสั้น และหัวใจคนใต้ก็ไม่เปลี่ยนเพียงเพราะกระแสบนโซเชียล ภาคใต้เป็นภูมิภาคที่ผูกพันกับ “ความทรงจำทางการเมือง” อย่างลึกซึ้ง ผู้คนไม่ลืมว่าในยามประเทศเผชิญวิกฤต รัฐบาลอภิสิทธิ์รับมืออย่างไร สไตล์การบริหารแบบอภิสิทธิ์ แม้จะถูกอีกฝ่ายโจมตีอย่างหนัก แต่สำหรับคนใต้จำนวนมาก ภาพจำคือ “อภิสิทธิ์เป็นคนที่ไว้ใจได้” และในยุคที่การเมืองปั่นป่วน ความไว้วางใจคือสินค้าที่มีค่าสูงที่สุด 

เมื่อเวลาผ่านไป พรรคประชาชนเริ่มถูกทดสอบด้วย “ของจริง” ทั้งผลงานในสภา การลงพื้นที่ และความสามารถในการแปลงวาทกรรมเป็นผลลัพธ์ หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า พรรคใหม่ที่เคยถูกฝากความหวังสูงลิบนั้นสามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงความฝันที่ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพิสูจน์ได้ ขณะที่พรรคประชาชนยังต้องดิ้นรนรักษาฐานเสียงทั่วประเทศ ประชาธิปัตย์กลับเริ่มกลับมาทำสิ่งที่ถนัดที่สุดคือการลงพื้นที่ภาคใต้แบบเข้าถึงทุกลมหายใจของชาวบ้าน ตั้งแต่ช่วยเหลือยามน้ำท่วม ไปจนถึงวิพากษ์นโยบายรัฐที่กระทบเกษตรกร ชาวประมง พ่อค้าแม่ค้า และแรงงานในโรงงาน สิ่งเหล่านี้ทำให้คำว่า “พรรคบ้านเรา” กลับมาเป็นความรู้สึกจริงในใจคนใต้ 

ผลโพลครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่เป็นสัญญาณเตือนที่ส่งไปถึงพรรคประชาชนอย่างชัดเจนว่า พื้นที่ที่เคยคิดว่า “เอาอยู่” อาจไม่ได้มั่นคงอย่างที่หวัง ภาคใต้ไม่ใช่แค่ฐานเสียงหนึ่งในหลายภูมิภาค แต่เป็นสมรภูมิยุทธศาสตร์ที่ใช้วัดทั้งความซื่อสัตย์ ความสามารถในการเชื่อมส่วนกลางกับท้องถิ่น รวมถึงอิทธิพลของบ้านใหญ่และตระกูลการเมืองที่ฝังรากลึกมานาน คะแนนนิยมที่กระเตื้องขึ้นของประชาธิปัตย์ย่อมดึงให้บ้านใหญ่หลายตระกูลที่เคยลังเลหรือเทไปพรรคใหม่ เริ่มกลับมาทบทวนว่าควรยืนอยู่ตรงไหนก่อนเลือกตั้งครั้งใหญ่รอบหน้า 

ทั้งหมดนี้ทำให้พรรคประชาชนต้องตั้งคำถามสำคัญว่า จะเลือกยืนระยะในภาคใต้แบบพรรคการเมืองน้ำหนักเบาที่บินมาวูบเดียวแล้วหายไป หรือจะปักหลักสร้างความเชื่อมั่นในฐานะตัวเลือกจริงจังของคนใต้ การเมืองไม่เคยปรานีพรรคที่หลงแสงกระแสจนลืมรากฐานของตัวเอง 

อีกด้านหนึ่งก็มีคำถามด้วยว่า ปรากฏการณ์ถ่านไฟเก่าคุที่เราเห็นในตัวเลขโพลวันนี้ เป็นไฟที่ติดทนนานหรือเพียงประกายวูบเดียว เพราะสุดท้ายโพลก็คือภาพนิ่งของอารมณ์สังคมในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้ามองเป็นเทรนด์ ต้องยอมรับว่า “ประชาธิปัตย์ยังไม่ตาย และอภิสิทธิ์ยังไม่ถูกลืม” และคำถามใหญ่คือ จากวันนี้ไป ประชาธิปัตย์จะใช้โอกาสนี้อย่างไร 

หากยังหมุนวนในวังวนเดิม ทะเลาะกันเองมากกว่าฟังเสียงประชาชนในชุมพร นครศรีฯ สงขลา ปัตตานี หรือยะลา ถ่านไฟเก่าที่เริ่มคุอยู่ในหัวใจคนใต้ ก็อาจดับลงอย่างรวดเร็วเหมือนไฟที่ไม่มีเชื้อเพลิงเติม แต่ถ้าพรรคอ่านเกมออกและยอมรับความจริงว่า “จุดแข็งของตัวเองวันนี้คือภาคใต้” แล้วเลือกเล่นเกมยาวในฐานะพรรคภูมิภาคที่มีมาตรฐานระดับชาติ ประชาธิปัตย์ก็อาจกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญในเวทีการเมืองไทยอีกครั้ง 

สำหรับอภิสิทธิ์เอง การกลับมาครั้งนี้ไม่ควรผูกกับความฝันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว แต่ควรผูกกับบทบาท “ผู้ใหญ่ดูแลบ้านเก่า” หากเขาสามารถใช้ทุนความศรัทธาที่เหลืออยู่สร้างผู้นำรุ่นใหม่ ส่งต่อสปิริตแบบการเมืองสุภาพ ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบ ถ่านไฟเก่าที่คุกลับมานี้จะไม่ใช่แค่ประกายไฟในโพล แต่จะเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้พรรคกลับมามีความหมายบนเวทีใหญ่ได้อีกครั้ง 

ขณะเดียวกัน พรรคประชาชนต้องไม่ประมาท โพลภาคใต้อาจไม่ใช่สัญญาณหายนะ แต่เป็นสัญญาณเตือนว่า การเมืองไม่ได้ชนะด้วยการเป็นกระแสบนโลกออนไลน์อย่างเดียว หากหวังเป็นพรรคของคนทั้งประเทศ พรรคประชาชนต้องลงพื้นที่หนักกว่าเดิม ต้องเข้าใจปัญหาจริงของชาวประมง ชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์ม และผู้ประกอบการรายเล็ก ต้องพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่แค่ “ฝ่ายค้านในจอทีวี” แต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของประชาชนในสนามจริง 

ท้ายที่สุด โพลนิด้าภาคใต้ไม่ได้บ่งบอกแค่ว่า “คนใต้เทใจให้ใคร” แต่กำลังบอกการเมืองไทยว่า คนใต้ยังให้ค่ากับความซื่อสัตย์ ความเป็นผู้ใหญ่ และความรับผิดชอบ พรรคเก่าที่เคยถูกมองว่าตายไปแล้ว หากไม่ทิ้งจุดยืนและวินัยทางการเมืองของตัวเอง ก็ยังมีโอกาสกลับมาได้ ส่วนพรรคใหม่ที่เคยทะยานสูง หากไม่ลงมายืนข้างชาวบ้านให้จริง ก็อาจถอยหลังในใจประชาชนได้ทุกเมื่อ 

ถ่านไฟเก่าในชื่อ “อภิสิทธิ์–ประชาธิปัตย์” กำลังคุขึ้นอย่างช้า ๆ และเปลวไฟเล็ก ๆ นี้กำลังแผ่ความร้อนไปถึงพรรคประชาชนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากนี้ไป ใครจะเติมเชื้อไฟ ใครจะปล่อยให้ไฟมอด และไฟกองไหนจะลุกโชติช่วงในวันเลือกตั้งครั้งหน้า… ไม่ใช่โพลที่จะตอบ แต่เป็นมือของประชาชนในคูหาเลือกตั้งเท่านั้นที่จะชี้ชะตา 

#อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #ประชาธิปัตย์ #พรรคประชาชน #โพลการเมือง #การเมืองภาคใต้ #นิด้าโพล #วิเคราะห์การเมือง #เลือกตั้งไทย #กระแสการเมือง #ถ่านไฟเก่าคุ

ข่าวแนะนำ