ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยกิจกรรมในภาคบริการฟื้นตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบกับมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำปรับเพิ่มขึ้นในหลายหมวดสินค้า ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัว ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงหลังจากเร่งไปในช่วงก่อนหน้า สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายของรัฐบาลกลางและการลงทุนรัฐวิสาหกิจ  

ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากทุกหมวดหลัก โดยหมวดอาหารสดลดลงจากราคาผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่หมวดพลังงานลดลงจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเล็กน้อยจากราคาอาหารสำเร็จรูปเป็นสำคัญ ด้านตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากดุลการค้าเป็นสำคัญ 

ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวจากไตรมาสก่อนตามการบริโภคภาคเอกชนและภาคบริการที่ปรับดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้นจากการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วน และปิโตรเลียมเป็นสำคัญ สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนปรับลดลงจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์หลังจากได้เร่งไปก่อนหน้า  ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามหมวดอาหารสดและหมวดเงินเฟ้อพื้นฐาน ขณะที่หมวดพลังงานเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเบนซิน ด้านตลาดแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากดุลการค้า ประกอบกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงตามการส่งกลับกำไรและรายจ่ายภาคบริการที่ลดลง

อีกด้านหนึ่ง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลงเหลือ 2.7% ต่อปี โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.2-3.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.5% ต่อปี หลัก ๆ เป็นผลมาจากภาคการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ทำให้คาดว่าภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้จะติดลบที่ 1.8% หดตัวเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ติดลบ 0.8% ขณะเดียวกันตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้าไทยในปีนี้ ลดลงเหลือ 27.7 ล้านคน ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 29.5 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวเหลือ 1.18 ล้านล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ 1.25 ล้านล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อตัวเลขนักท่องเที่ยวของจีนซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายของไทยให้เดินทางลดลงด้วย

กระนั้น แม้จะมีสัญญาณเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว แต่ก็ยังมีโจทย์ยากสำหรับรัฐบาลเศรษฐา ที่จะต้องพิสูจน์ฝีมือให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเงินในกระเป๋าของประชาชน ปัญหาค่าครองชีพ แก้ปัญหาปากท้อง ที่ไม่ใช่เพียงประคับประคอง แต่ต้องมีความยั่งยืน