"เสรี" เร่งเสนอรายงานปรองดองเข้าที่ประชุมสปท.23-24ม.ค. ปัดข้อเสนอคล้ายนิรโทษกรรม พร้อมเปิดโอกาสคนอยู่เมืองนอกกลับประเทศมาสู้คดีตามสิทธิ ใครสารภาพให้โทษกึ่งหนึ่ง
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ให้สัมภาษณ์ถึงรายงานเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองว่า ในวันที่19ม.ค.จะนำรายงานเข้าที่ประชุมวิปสปท. และในวันที่23หรือ24ม.ค. หากไม่ติดขัดอะไรพยายามจะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่สปท.เพื่อพิจารณารายงานฉบับนี้ โดยหลักการในการนำเสนอรายงานเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและสร้างความปรองดอง ต้องเป็นคดีอยู่ในช่วงเหตุการณ์19ก.ย.2549-22พ.ค.2558 โดยคดีเรื่องนี้เราได้แยกคดีเป็นของชาวบ้านทั่วไป กับคดีของแกนนำผู้ชุมนุม และแบ่งคดีเป็นชนิดร้ายแรงกับคดีไม่ร้ายแรง โดยในคดีไม่ร้ายแรงของชาวบ้านทั่วไป คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ถ้าจำเลยยอมรับต่อศาลชั้นต้นตามที่ถูกฟ้อง ให้ศาลจำหน่ายคดีออกไป แต่ในระหว่างนั้น5ปี ห้ามก่อปัญหาต่อบ้านเมือง ห้ามชุมนุม ปลุกปั่นยุยง สร้างความแตกแยกอีก ส่วนแกนนำผู้ชุมนุมหากยอมรับว่าได้กระทำความผิด จะเสนอต่อศาลขอให้ใช้ดุลพินิจลงโทษสถานเบา
ในรายงานได้จำแนกคดีไม่ร้ายแรงคือ คดีบุกสนามบิน บุกสถานที่ราชการ บุกที่สาธารณะ ก่อการร้าย ซึ่งคดีเหล่านี้ยุติได้ หากพิสูจน์ว่าคนเหล่านั้นไปเพียงเพื่อชุมนุมอย่างเดียว ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสถานที่ดังกล่าว ส่วนคดีเผาสถานที่ราชการ ต้องไปพิสูจน์อีกครั้งว่า คนเหล่านั้นลงมือกระทำหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ผู้ลงมือ อย่างนี้จะได้รับโอกาส แต่ถ้าลงมือ อย่างนี้ไม่ได้รับโอกาส
เมื่อถามว่าข้อเสนอสปท.การเมือง แทบไม่ต่างอะไรจากการนิรโทษกรรม นายเสรี กล่าวว่า ไม่เหมือนกัน การนิรโทษกรรมคือ ทำผิดมาแล้วแต่ไม่มีความผิด ในข้อเสนอรายงานสปท.การเมืองของเรา ความผิดยังคงอยู่ ต่างกัน อย่าเอามาปนกัน ที่เสนอให้มีการพักโทษแกนนำที่รับสารภาพนั้น เป็นการควบคุมพฤติกรรม ข้อเสนอของเราไม่ใช่การทำลายหลักนิติธรรม เพราะถ้าจะคุยกันเรื่องปรองดองก็ต้องมาคุยกันในเรื่องหาทางออก ในทางกฎหมายไปดูได้เลย มีการพูดถึงการให้โอกาส การบรรเทาโทษ เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าใครรับสารภาพจะได้รับโทษกึ่งหนึ่ง
เมื่อถามว่าหนึ่งในข้อเสนอที่ให้โอกาสคนอยู่ต่างประเทศกลับมาสู้คดีและได้รับการประกันตัวด้วยนั้น นายเสรี กล่าวว่า คนที่อยู่ต่างประเทศที่หนีคดีตอนนี้ ส่วนใหญ่ไปเคลื่อนไหวผ่านยูทูป อินเตอร์เน็ต วิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านรัฐบาล คนเหล่านี้ไม่กล้าเข้าประเทศ เพราะกลัวว่าเมื่อเข้ามาแล้ว จะไม่ได้รับการประกันตัว เราเลยเสนอไปหากกลับเข้ามาจะมีสิทธิในการมาต่อสู้คดีและได้รับการประกันตัว
เมื่อถามอีกว่ากรณีนี้รวมไปถึงคดีที่ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า คดีที่ศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้กระทำความผิดไปอยู่ต่างประเทศ หากกลับมาต้องกลับมารับโทษ ไม่อยู่ในเงื่อนไข โดยเราแยกไว้คดีเกี่ยวกับสถาบัน การทุจริตคอรัปชั่น คดีเหล่านี้ไม่รวมอยู่ในข่าย ขอปฏิเสธว่า ก่อนที่จะมีรายงานฉบับนี้ออกมา ได้ไปหารือกับแกนนำกลุ่มต่างๆมาแล้ว ในส่วนของแกนนำผู้ชุมนุมที่เสนอมาคราวนี้ หากเห็นว่าข้อกล่าวหาที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ไม่ยอมรับเพื่อจะได้รับการพักโทษ ก็ไปพิสูจน์ตัวในชั้นศาลได้ เราไม่ได้บังคับ เพราะคราวที่มีข้อเสนอออกมา ต้องยอมรับต่อศาลก่อนได้รับการพักโทษ ถูกแกนนำสีต่างๆต่อต้าน คราวนี้เลยปล่อยให้เป็นตามความสมัครใจ หากเห็นว่าไม่ผิด ก็ไม่ต้องยอมรับแล้วสู้คดีต่อไป