เกิดเหตุระทึก! โรงน้ำแข็งบางละมุงระเบิดสารแอมโมเนียกระจายคลุ้ง จนท.เร่งอพยพ“ปชช.-ชาวบ้าน”ออกจากพื้นที่เสี่ยง นำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลกว่า 160 ราย อาการหนัก 9 ราย “บิ๊กต่าย” สั่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกำชับการสอบสวนสาเหตุ เร่งทำความจริงให้ปรากฎ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ด้าน “ชลน่าน” เข้ารายงาน “นายกฯ” ยันคุมสถานการณ์ได้แล้ว

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 23.36 น. ของคืนวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง รับแจ้งเหตุโรงงานน้ำแข็งบางละมุง เลขที่ 54 ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ระเบิด ทำให้สารแอมโมเนียรั่วไหลในรัศมี 1 กิโลเมตร จึงรีบนำกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพิบัติทางบกเทศบาลหนองปรือ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกับห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าใกล้ที่เกิดเหตุเป็นระยะระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร พร้อมตั้งจุดช่วยเหลือ นำผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสูดดมสารเคมีจนหมดสติเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลบางละมุง โรงพยาบาลเมืองพัทยา โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โรงพยาบาลกรุงเทพจอมเทียน  โรงพยาบาลแหลมฉบัง โรงพยาบาลวิภารามแหลมฉบัง และโรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา โดยยอดผู้บาดเจ็บจากการสูดดม และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวม 96 ราย 


ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณภัยของเทศบาลหนองปรือ สาธารณภัยเมืองพัทยา ได้ระดมฉีดน้ำเพื่อให้สารแอมโมเนียลดต่ำลงไม่ให้มีผลกระทบกับชาวบ้าน และฉีดน้ำบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และไม่มีกลิ่นแล้ว


นายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง เปิดเผยว่า สถานการณ์ขณะนี้นักผจญเพลิงของเมืองพัทยาได้เข้าไปปิดวาล์วก๊าซ แอมโมเนีย ที่รั่วทุกตัวเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ อยู่ระหว่างลำเลียง ผู้บาดเจ็บที่มีอาการหายใจไม่ออก ประมาณ 100 ราย กระจายส่งไปตามโรงพยาบาลต่างๆ 


ทั้งนี้ จากการสอบถาม ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุ ทราบว่าตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งตลบอบอวล เมื่อสูดดมเข้าไปทำให้แสบจมูกแสบตา บางรายหมดสติตนเองจึงรีบวิ่งหนีออกห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุ 


ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท. สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นำตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครองและทุกภาคส่วนเข้าควบคุมสถานการณ์ ตั้งจุดช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมอพยพคนไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ เบื้องต้นมีประชาชนได้รับผลกระทบเกือบ 100 ราย เป็นพนักงาน  ประชาชนที่สัญจรผ่านด้านหน้าโรงน้ำแข็ง และประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณข้างเคียง ส่วนใหญ่มีอาการ แสบตา แสบจมูก แต่มี 9 ราย พบอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และ 3 ราย มีบาดแผล และอาการซึม


“ได้สั่งการให้เร่งสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร มีผู้ที่ต้องรับผิดชอบหรือไม่ เร่งทำความจริงให้ปรากฏตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน หากพบเป็นความผิดอาญาให้ดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมทั้งการสอบสวนปากคำประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ให้อำนวยความสะดวกกับพี่น้องประชาชนให้เกิดความสะดวกมากที่สุด และยังกำชับให้ตำรวจในพื้นที่ดูแลความปลอดภัย และร่วมช่วยเหลือประชาชนละแวกโรงน้ำแข็งที่อพยพมาอยู่ที่หอศาลาประชาคมอย่างเต็มที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย”


ทำเนียบรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประมาณ 30 นาที ว่า ไปเรียนนายกฯ ถึงสถานการณ์โรงน้ำแข็ง ระเบิด โดยขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ภาวะสงบแล้ว ซึ่งทีมงานกระทรวงสาธารณสุขได้ลงไปดูพื้นที่และเข้าดูแลผู้ป่วยและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลต่างๆ โดยสรุปมีผู้ป่วยทั้งหมด 160 ราย แบ่งเป็นกลุ่มผู้มีอาการหนักกลุ่มสีแดง 9 ราย กลุ่มอาการปานกลาง 50 ราย ที่เหลือเป็นกลุ่มสีเขียวคืออาการเล็กน้อย ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นจากแก๊สแอมโมเนียจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่นกลุ่มที่มีอาการหนักจะหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ซึ่งใส่ท่อช่วยหายใจ นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องของเยื่อบุและอาการวิงเวียน ซึ่งเฝ้าระวังอยู่ ส่วนในกลุ่มของอาการปานกลางก็ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะเกิดโอกาสทำให้หัวใจล้มเหลวได้


ทั้งนี้ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นแอมโมเนีย หลังจากดูอาการผู้ป่วย ซึ่งวันเดียวกันนี้ สั่งการให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและผู้ตรวจราชการในพื้นที่เข้าไปดูแล พร้อมนำทีมประเมินผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจลงไปประเมินกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยรวมแล้วขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่สงบแล้ว และมีการสั่งปิดในเรื่องของอุบัติเหตุฉุกเฉิน ตั้งแต่เวลา 03.00 น. เป็นต้นมา ส่วนที่ยังมีประชาชนบริเวณใกล้เคียงที่ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องของกลิ่นแก๊สต่างๆนั้น ขนาดนี้ทีมงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ลงไปยังพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะการประเมินผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ และถือว่าขณะนี้สถานการณ์อยู่ในภาวะปกติแล้ว ส่วนกลิ่นที่ยังหลงเหลือนั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติของแก๊ส