วันที่ 16 ก.พ.67 เวลา 09.00 น.ที่ศาลาเมรุวัดห้วยใหญ่ หมู่ 6 ตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ญาติๆได้นำศพของนางอุทัย  อายุ 66 ปี และหลานสาวอายุ 14 ปี จากกรณีที่จุดไฟเผาตัวเองและหลานสาวตายที่หน้าบ้านเมื่อคืนที่บ้านมา  มาบำเพ็ญกุศลศพ หลังจากแพทย์โรงพยาบาลได้พิสูจน์สาเหตุการตายและพิสูจน์อัตลักษณ์ศพของย่าและหลานสาวที่จุดไฟเผาฆ่าตัวตายจนไหม้ดำเป็นตอตะโก โดยมีญาติๆ ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน กลุ่ม อสม.และชาวบ้านจำนวนมากมาร่วมกันจัดงานและทำดอกไม้ประดับหน้าศพ 

นางสาวอ้อยทิพย์ อายุ 39 ปี ลูกสาวผู้ตายเปิดเผยว่าแม่ตนมีลูกสองคนมีผู้ชายเป็นคนโตส่วนตนเป็นคนสุดท้อง ตอนนี้ตนไม่อยากจะพูดอะไรให้กระทบใครอีกแล้ว เพราะเมื่อที่ตนพูดไปมาจากความรู้สึกที่เห็นศพแม่แล้วโมโหมาก ซึ่งตนอยากให้ลูกๆของแม่มางานศพแม่ รวมทั้งน้องสาวคนสุดท้องของแม่ที่ยืมเงินไปด้วย ได้มางานศพแม่เพื่อมาขอขมาให้แม่อโหสิกรรมให้ จึงอยากให้งานศพผ่านได้ได้ด้วยดี

ด้าน นายพินิจ นพชำนาญ ประธาน อสม.บ้านแก่งกระทั่ง หมู่ 6 ตำบลนาสัก กล่าวว่านางอุทัยเป็น อสม.หมู่บ้าน แกเป็นคนดีเป็นนักกิจกรรมสังคมชอบช่วยเหลือผู้อื่น ก่อนตาย 1 วัน ช่วงเช้า อสม.บ้านแก่งกระทั่ง ได้จัดกิจกรรมร่วมกับ รพ.สต.บ้านแก่งกระทั่ง เพื่อนๆ อสม.ยังแซวแกอยู่ว่าวันนี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษแกก็ยิ้มมีอาการเป็นปกติ หลังจากงานกิจกรรมเลิกต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน 

ทั้งนี้ ประธาน อสม.บ้านแก่งกระทั่งกล่าวต่อว่า ต่อมาเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ นางอุทัยโทรศัพท์มาหาตนมีเสียงร้องสะอื้น แล้วตนก็ถามว่าเป็นอะไร นางอุทัยตอบกลับมาว่าตนไม่ไหวแล้วขอลาก่อน ตนก็พยายามสอบถามปลอบใจแล้วเสียงก็ขาดหายไป มารู้อีกทีแกเผาตัวตายพร้อมกับหลานสาว แล้วตนก็รีบไปที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นศพแล้วดูไม่ได้รู้สึกสลดใจมาก จึงได้ต้องเดินทางกลับ

โดย ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของน้องสาวนางอุทัยผู้ตายซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งลูกผู้ตายระบุว่าได้กู้ยืมเงินแม่ไป 6 หมื่นบาทแล้วไม่คืนจนแม่ไปทวงถามหลายครั้งแถมยังถ้าให้ไปฟ้องเอาเอง ซึ่งนายขจัด  อายุ 53 ปี  บอกว่าภรรยาตนยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูล ซึ่งตนเพิ่งจะมาอยู่กินกับภรรยาได้ประมาณ 2 ปี ภรรยาตนบอกว่าความไม่ได้เป็นไปตามที่ลูกสา ผู้ตายพูด และเรื่องนี้ภรรยาตนก็บอกกับตนมาตลอดว่า เรื่องกู้ยืมเงินจากพี่สาวนั้นจริงๆแล้วยืมมาเพียง 2 หมื่นเท่านั้น และภรรยาตนเองก็พร้อมจะให้คืน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงทำให้ยืดเยื้อมาจานถึงปัจจุบัน 


     
ด้านนายสุรินทร์  เม้งหิ้นติว อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านแก่งกระทั่ง พื้นที่เกิดเหตุ  กล่าวว่า คนเสียชีวิตวันก่อนเกิดเหตุยังยังทำกิจกรรมของอสม.และไม่มีอาการเครียด เป็นคนมีจิตอาสาช่วยเหลืองานส่วนรวมของชาวบ้านสม่ำเสมอ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อพิพาทระหว่างญาติกันเองเรื่องทางเข้าบ้านแต่ตนเองเข้าไปไกล่เกลี่ยจนสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนปัญหาเรื่องเงินภายในเครือญาติกันเองนั้นตนไม่ทราบ