วันที่ 16 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเทศกาล สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2566 ทรงคุณค่าอย่าง“วิถีไทย” ผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ในคอนเซปต์ “Moonlight Reflection Loi Krathong Along The Canal” ระหว่างวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2566 ณ คลองผดุงกรุงเกษม ย่านหัวลำโพง เนรมิตบรรยากาศแห่งความสุข สะท้อนความงดงามของวัฒนธรรมไทยด้วยการนำเสนอสายธารประทีป 5 พื้นที่อัตลักษณ์ ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด พร้อมสอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ คาดปั๊มรายได้ท่องเที่ยวทั่วประเทศ 6,100 ล้านบาท

โดย นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า  งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2566 ถือหนึ่งใน Big Events ของ ททท. ภายใต้ Thailand Winter Festival โดยมีกำหนดจัดงานในวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2566 ณ คลองผดุงกรุงเกษม ย่านหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร มุ่งนำเสนอความสุขและคุณค่าของประเพณีลอยกระทงตามวิถีไทย สะท้อนความงดงามของวัฒนธรรมไทยกับสายน้ำสู่สากล ในแนวคิด “Moonlight Reflection Loi Krathong Along the Canal” สร้างสีสันบนผืนน้ำด้วยแสงสี (Lighting) เติมเต็มค่ำคืนวันเพ็ญ พร้อมนำส่งประสบการณ์ใหม่ Amazing Experience ของประเพณีลอยกระทงที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบสู่ความยั่งยืน (Sustainable Tourism) ด้วยการรณรงค์ใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ 1 ครอบครัว 1 กระทง และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติผ่านรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ทั้งในพื้นที่ที่ ททท. จัดงาน และพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ

ซึ่งปีนี้ ททท. พร้อมมอบความพิเศษด้วยไฮไลต์การแสดงแสงเสียง “Lighting Illumination Show” ผ่านสัญลักษณ์แลนมาร์กกระทงประดับไฟ 5 พื้นที่เอกลักษณ์ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างการรับรู้ถึงคุณค่าของประเพณีไทย เช่น พิธีเฉลิมฉลองประเพณีลอยกระทงขบวนแห่ประเพณีลอยกระทง โดยนางสาวแอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022 แต่งกายชุดนางนพมาศ  การแสดงทางวัฒนธรรม  กิจกรรมสาธิตอาหารชาววังและกระทงเอกลักษณ์ 5 พื้นที่ กิจกรรม รวมทั้งตลาดย้อนยุครัตนโกสินทร์จำหน่ายอาหารไทย นอกจากนี้ ททท. ยังตระหนักถึงเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่จัดงาน โดยมีการบริหารจัดการขยะจากกระทง และให้นักท่องเที่ยวร่วมสืบสานประเพณีไทยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรม DIY ประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระทงกะลามะพร้าว กระทงใบลาน กระทงกาบกล้วย

ทั้งนี้ ททท. ได้สนับสนุนและประชาสัมพันธ์การจัดงานประเพณีลอยกระทง 5 พื้นที่อัตลักษณ์ทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด ซึ่งแต่ละพื้นที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไป  ดังต่อไปนี้ 1. ประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2566 วันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2566 บริเวณเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกิจกรรมภายในงาน ได้เนรมิตบรรยากาศเมืองเชียงใหม่ต้อนรับประเพณีลอยกระทงตามความเชื่อล้านนา  2. ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย วันที่ 18-27 พฤศจิกายน 2566 อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย โดยกิจกรรมภายในงาน  ประกอบไปด้วยการแสดงแสง เสียง ณ วัดมหาธาตุ เมืองมรดกโลกสุโขทัย ย้อนอดีตสู่ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย ผ่านการถ่ายทอดจากนักแสดงนาฏศิลป์กว่า 400 ชีวิต ชมขบวนช้างยุทธหัตถี การละเล่น พลุตะไล ไฟพะเนียงไฟไทยแบบโบราณ สุดตระการตา วั 

ส่วน 3. ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1,000 ดวง จังหวัดตาก วันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2566 เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก4. ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง วันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2566 ณ อุทยาน ร.2 จ.สมุทรสงคราม และวันที่ 18 -27 วัดภุมรินทร์กุฎีทอง จ.สมุทรสงคราม 5. ประเพณีสมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป ครั้งที่ 25 ประจำปี 2566 วันที่ 26–27 พฤศจิกายน  2566 สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด และบึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด

รวมถึงงานประเพณีลอยกระทงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ICONSIAM CHAO PHRAYA RIVER OF ETERNAL PROSPERITY  ลอยกระทงบนสายน้ำแห่งความเจริญรุ่งเรือง วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ณ ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม และงาน Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย วันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2566

ณ 10 พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรวิหาร วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ท่ามหาราช ท่ายอดพิมาน ล้ง 1919 สุขสยาม และเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 สถานการณ์ท่องเที่ยวภาพรวมจะเติบโตเพิ่มขึ้น จากแรงหนุนทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ททท. ร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวและรายได้ จึงคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 2.04 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางจากคนท้องถิ่นหรือคนจากจังหวัดใกล้เคียง และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวอยู่ที่ 6,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ซึ่งสำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ ททท. ดำเนินการเอง จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 299,730 คน-ครั้ง และรายได้ทางการท่องเที่ยว 1,215 ล้านบาท ขณะที่พื้นที่ไฮไลต์ที่ ททท. ให้การการสนับสนุน 5 พื้นที่เอกลักษณ์ ได้แก่ สมุทรสงคราม เชียงใหม่ สุโขทัย ตากและร้อยเอ็ด จะมีอัตราผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่จัดงานรวมประมาณ 527,070 คน-ครั้ง สร้างรายได้ 1,765 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 65