ระบบสหกรณ์ ถือเป็นระบบที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ตรงความต้องการ เพราะเกิดจากการรวมตัวของคนอาชีพเดียวกัน เจอปัญหาหรือมีความต้องการเหมือนกัน จึงแพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันมีถึง 7 ประเภท จำนวนรวม 7,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ และมีผู้คนที่ศรัทธาในการช่วยเหลือกันแบบสหกรณ์เข้ามาเป็นสมาชิกกว่า 12 ล้านคน 

“สหกรณ์” จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่สำคัญของสังคมไทย เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับฐานรากที่มีบทบาทมาตลอด 107 ปี  

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ในโอกาสสหกรณ์ไทยครบรอบ 107 ปี ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็น “วันสหกรณ์แห่งชาติ” กรมส่งเสริมสหกรณ์ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะพี่เลี้ยงสหกรณ์ได้วางนโยบายในการพัฒนาสหกรณ์ โดยเน้นย้ำในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องเกษตรกร ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควบคู่การส่งเสริมอาชีพเสริม เพิ่มรายได้จากอาชีพหลักให้แก่สมาชิกสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์ภาคการเกษตร ขณะที่สหกรณ์ภาคออมทรัพย์ พยายามปรับให้สหกรณ์ ปล่อยสินเชื่อที่เหมาะสมแก่สมาชิก เพื่อไม่ให้สมาชิกติดอยู่ในวงจรของการเป็นหนี้ตลอดชีวิต และส่งเสริมให้สมาชิกวางแผนทางการเงิน 

และอีกเรื่องสำคัญ คือ การกำกับและการตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ประเภทออมทรัพย์หรือประเภทอื่นๆ ลบภาพลักษณ์การทุจริต โดยส่งเสริมสหกรณ์จัดทำแอปพลิเคชั่น เพื่อให้สมาชิกตรวจสอบรายการธุรกรรมทางการเงินของสหกรณ์ได้ด้วยตัวเองผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมให้ความรู้แก่คณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ในการดูแลบริหารจัดการสหกรณ์ ตามหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ รวมทั้งจัดหลักสูตรอบรมคณะกรรมการสหกรณ์ให้มีความรู้เรื่องการเดินบัญชีและการบริหารจัดการตามกฎกระทรวงที่ออกมาใหม่ เพื่อให้เขาสามารถดูแลกิจการบริหารกิจการและกำกับกิจการได้อย่างเข้มแข็ง 

อย่างไรก็ดี บทบาทสำคัญของกรมส่งเสริมสหกรณ์ คือการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ จะเน้นให้คำแนะนำส่งเสริมการดำเนินธุรกิจการบริหารจัดการของสหกรณ์ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีมีความโปร่งใสในการดำเนินงาน ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ จะต้องเข้มงวดกวดขันกำกับดูแลการดำเนินงานของสหกรณ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสีย หรือเสื่อมศรัทธา ใช้อำนาจหน้าที่ในการกำกับให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักปฏิบัติที่ดีของการดำเนินงาน ในฐานะที่สหกรณ์เป็นนิติบุคคลและอยู่ภายใต้การบริหารของคณะกรรมการสหกรณ์ แต่นายทะเบียนสหกรณ์ก็มีอำนาจหน้าที่ที่จะกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้สหกรณ์เน้นเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เป็นสถาบันที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวไทยได้อย่างแท้จริง โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมจะยืนเคียงข้างสหกรณ์ตลอดเวลา

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยังได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาสหกรณ์ให้เท่าทันโลกในยุคดิจิทัล โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย เช่น การเชื่อมโยงกับธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ทำฐานข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System : MIS) เพื่อสร้างนวัตกรรมในเรื่องของการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ โดยสามารถมอนิเตอร์การดำเนินงานของสหกรณ์แต่ละแห่งว่า มีความผิดปกติตรงไหนบ้าง หากพบความผิดปกติ จะได้เร่งส่งผู้ตรวจการสหกรณ์ลงไป On Site ในสหกรณ์ เพื่อแนะนำ ให้คำปรึกษา ในการแก้ปัญหา รวมทั้งสกัดกั้นการทุจริตในสหกรณ์ได้ทันท่วงที 

“ในโอกาสครบ 107 ปีการสหกรณ์ไทยขอให้พี่น้องสมาชิกสหกรณ์มั่นใจในการดำเนินงานของสหกรณ์ของท่าน และสอดส่องดูแลการดำเนินกิจการของสหกรณ์ของท่านในทุกกิจกรรมที่สหกรณ์ดำเนินการ ซึ่งความร่วมมือนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับสหกรณ์แห่งประเทศไทย” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย