ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับผู้คนหลากหลายอาชีพ ทั้งผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจ เจ้าของผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้า Bangkok Brand ไปจนถึงมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ทำให้หลายๆ คนหันมามองหาอาชีพเสริม สร้างรายได้ ซึ่ง กทม.ก็มีการส่งเสริมอาชีพ รวมไปถึงช่วยสร้างงาน สร้างช่องทางให้ค้าขายสินค้าได้ ฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจของกทม.ว่า เราได้ดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการฟื้นเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ในช่วงโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการชดเชยผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบ การดูแลตลาดที่เป็นแหล่งธุรกิจที่สำคัญชุมชน การสร้างอาชีพใหม่ การส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการหลากหลายแขนง โดยสิ่งที่ กทม.ได้ดำเนินการไปแล้วคือ การช่วยเหลือพี่น้องผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สำหรับครอบครัวที่ขาดเงินทุนในการเดินหน้าทำธุรกิจ ในส่วนของตลาด กทม.ก็เข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ตลาดแต่ละแห่งเปิดทำการค้าได้ ซึ่งจะช่วยให้เงินในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น ส่วนผู้ที่ต้องการมองหาอาชีพใหม่ๆ กทม.ก็มีการเปิดหลักสูตรฝึกอาชีพผ่านระบบออนไลน์ หรือจะเรียนที่โรงเรียนฝึกอาชีพของ กทม.ทั้ง 10 แห่ง รวมถึงสำนักงานเขตก็มีโครงการฝึกอาชีพด้วยเช่นกันและอีกกลุ่มหนี่งที่เราพยายามผลักดันให้เกิดรายได้เพิ่มก็คือ การคัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมกลุ่ม OTOP และ Bangkok Brand (บางกอก แบรนด์) โดยมีช่องทางการขายสินค้าทั้งทางออนไลน์ และตลาดที่ กทม.จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับ “Bangkok Brand” (บางกอก แบรนด์) คือ ตราผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นตราที่ใช้รับรองมาตรฐานและคุณค่าเชิงอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และหลักประกันความน่าเชื่อถือให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดสรร ทำให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมีความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในอนาคต Bangkok Brand (บางกอก แบรนด์) เริ่มจากในปี 2553 และมีการยกระดับคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน และสร้างตราผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร หรือ “บางกอก แบรนด์ (Bangkok Brand)” เพื่อเป็นตราสัญลักษณ์ที่ใช้รับรองมาตรฐานและคุณค่า เชิงอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร คัดสรรผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพ และมาตรฐานผลิตภัณฑ์สนับสนุนเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภค ทั้งภายในและต่างประเทศ ภายใต้ตราเครื่องหมาย “บางกอก แบรนด์ (Bangkok Brand)” ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการคัดสรรผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร (Bangkok Brand) ครั้งแรกในปี 2557 และกำหนดให้มีการคัดสรรผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานครทุกๆ 2 ปี เพื่อรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ รวมถึงช่วยสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเชิงธุรกิจแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์ชุมชนรายใหม่ๆ ด้วย ซึ่งมีผู้สนใจส่งผลิตภัณฑ์เข้ารับการคัดสรรฯ เพิ่มขึ้นทุกครั้ง โครงการคัดสรรผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร (Bangkok Brand) มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 5 ประเภท ได้แก่ ประเภทอาหาร ประเภทเครื่องดื่ม ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก และประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร โดยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดสรรมาตรฐานและคุณค่าเชิงอัตลักษณ์ จะได้รับตราเครื่องหมาย “Bangkok Brand” และใบประกาศนียบัตรการคัดสรรผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้เกิดการยอมรับ มั่นใจในคุณภาพและบริการของสินค้า สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนและเศรษฐกิจโดยรวม และยังทำให้เกิดการพัฒนาธุรกิจต่อเนื่อง ช่องทางการส่งเสริมการขาย “Bangkok Brand” นั้นกทม.ได้จัดงานแสดงสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักต่อประชาชนและผู้บริโภคมากขึ้น และยังมีช่องทางส่งเสริมการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ฯ ในรูปแบบออนไลน์ โดยได้พัฒนาเว็บไซต์ของ Bangkok Brand ให้เป็นที่พบปะของผู้ซื้อผู้ขาย ตลอดจนทำแคตตาล็อกออนไลน์และแคตตาล็อกแบบรูปเล่ม เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย สำหรับผู้ที่สนใจจะสนับสนุนผลิตภัณฑ์คุณภาพ “บางกอก แบรนด์ (Bangkok Brand)” สามารถเข้าไปรับชมได้ทั้งช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.bkkbrand.com และที่ร้านนครภัณฑ์ บริเวณหน้าสำนักพัฒนาสังคม เขตดินแดง นายเฉลิมพล กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากสนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์ บางกอกแบรนด์ เรายังส่งเสริมอาชีพ โดยมีโรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร มากถึง 10 โรงเรียน มีหลักสูตรการสอนมากกว่า 200 หลักสูตร ให้เลือกเรียนตามความต้องการ เช่น หลักสูตรอินเตอร์เน็ตและการสร้างเว็บไซต์ หลักสูตรอาหารไทยและอาหารนานาชาติ หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ หลักสูตรงานช่างต่างๆ เป็นต้น โดยมีบุคคลากรด้านการศึกษา ครู อาจารย์ประจำหลักสูตรต่างๆ พร้อมกว่า 200 คน ทุกหลักสูตรเรียนจบมีใบประกาศรับรอง เพื่อใช้ประกอบการสมัครทำงานได้ทันที ในและช่วงนี้ยังมีระบบการเรียนในรูปแบบออนไลน์ด้วย โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆได้ที่ www.bmatraining.ac.th