วันที่ 13 เม.ย. 65 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า วันนี้แม้จะเป็นวันหยุดเทศกาลสงการนต์พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 6 ก็ยังลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงกับพี่น้องประชาชน พร้อมผู้สมัคร ส.ก. เขต ราชเทวี หมายเลข 5 นพ.ทัศนัย จินดาวนิช โดยได้ลงพื้นที่ ย่านถนนเพชรบุรี ซอย 7 และชุมชนบ้านครัว เขตราชเทวี ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่มีพี่น้องมูสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยได้พูดคุยกับอิหม่ามและผู้นำชุมชน ที่มัสยิดารุ้ลอะมาน จากนั้นได้เดินขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้าในซอย ท่ามกลางอากาศร้อนของบ่ายวันนี้ และในตอนค่ำได้ร่วมละศีลอดกับพี่น้องมุสลิมในชุมชนด้วย
โดย พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ถึงแม้วันนี้อากาศจะร้อนจัด แต่พอได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชนก็ทำให้หายร้อนมีกำลังใจในการลงพื้นที่ต่อ เนื่องจากวันนี้ เป็นวันผู้สูงอายุ ที่ผ่านมาสมัยเป็นผู้ว่าฯ มีนโยบาย เพื่อผู้สูงอายุมาโดยตลอด ทั้งศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่จะผลักดันให้มีมากยิ่งขึ้น การดูแลผู้สูงอายุช่วงโควิดที่ดูแลอย่างใกล้ชิดถึงบ้าน รวมทั้งทำให้มีศูนย์รวมของคน 3 วัย คือศูนย์สร้างสุขทุกวัย ในชุมชนที่จะมีทั้งเด็ก คนวัยทำงาน และผู้สูงอายุ มาทำกิจกรรมร่วมกันลดช่องว่างระหว่างวัย ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุไม่เหงาอย่างแน่นอน และยังกล่าวอีกว่า ตนก็เป็นคนสูงวัยที่ถือว่าอยู่ในวัยเกษียณคนหนึ่ง ที่ยังมีไฟในการทำงาน ดังนั้น ผู้สูงอายุที่ยังมีกำลังในการทำงาน ก็จะพยายามให้ได้ทำงานและมีเงินเดือนตอบแทนซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้ดูแลเรื่องนี้ไม่เคยทอดทิ้ง
ด้านผลงานของ พล.ต.อ.อัศวิน สมัยเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้ดูแลผู้สูงวัยที่ทำไปแล้ว มีทั้ง1. เปิดโรงพยาบาลผู้สูงอายุ บางขุนเทียน ,บริการดูแลและฟื้นฟู้สุขภาพผู้สูงอายุก่อนกลับบ้านที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ 2.จัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุ ดูแลอย่างครบวงจร จำนวน 85 แห่ง 3.เพิ่มศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง 4. กทม.ใส่ใจผู้สูงอายุ หัวใจแกร่ง 5.มีช่อง Fast track สำหรับผู้สูงอายุใน 9 รพ.สังกัด กทม.และพัฒนาระบบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ ในพื้นที่กรุงเทพมาหนคร ให้บริการผู้สูงอายุแล้วกว่า 37,800 ราย 6.ให้บริการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง กว่า 5,000 ราย 7.จัดตั้งศูยน์อออกกำลังการสำหรับผู้สูงอายุที่ศูนย์กีฬาไทยญี่ปุ่น ดินแดง 8. สร้างบ้านพักบึงสะแกงาม จากเดิมมี 1 แห่งเพิ่มเป็นแห่งที่สอง 9. คืนรอยยิ้มสู่ผู้สูงอายุ ด้วยการจัดบริการทันตกรรมเคลื่อนที่ในชุมชนทั้ง 50 เขต 10.มอบเครื่องช่วยฟังให้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาหาได้ยินจำนวนกว่า 600 ราย 11.จัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมต่อสุขภาพให้ผู้สูงอายุและผู้พิการ รวมกว่า 3,700 ราย 12.รถตู้ฟรีสำหรับผู้สูงอายุ และผู้พิการ จำนวน 30 คัน ( เวลา 06.00-22.00 น.) โดยมีบริการ 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์หนองแขม ศูนย์รามคำแหง 40 และศูนย์พระราม 3 ขอ 13.อบรมอาสาสมัครดูและผู้สูงอายุที่บ้าน จำนวนกว่า 3,300 ราย 14. ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่ได้รับการส่งต่อจากระบบ BMA Home Ward Referral Center
ส่วนนโยบายที่จะผลักดันและทำต่อ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เช่น ๅ1.พัฒนาพื้นที่สําคัญของเมือง ให้เป็นย่านแห่งการเดินเท้าที่สะดวก เช่น ศูนย์การแพทย์ 2. ผลักดันให้มีโรงพยาบาล ในสังกัด กทม. ในพื้นที่กรุงเทพเหนือ เพื่อให้ กทม. มี รพ.กทม.ครอบคลุมทุกมุมเมือง 3. พัฒนาศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่งเป็นรพ.ประจําเขตสําหรับการวินิจฉัยและรักษาเบื้องต้น รวมทั้งมีศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง 4. ผลักดันให้มีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน โดยมีอาสาสมัครดูแลผู้ป่วย (Care Giver) ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักวิชาการอย่างถูกต้อง 5.พัฒนาระบบบริการแพทย์ฉุกเฉิน ให้มีความรวดเร็วมากขึ้น 6.ส่งเสริมระบบการรักษาพยาบาลเชิงรุกถึงบ้าน เช่น Telemedicine, Mobile Lab 7. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาศักยภาพและขยายขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลสังกัด กทม. 8.ส่งเสริมให้มีศูนย์บริการรักษาโรคเฉพาะทาง เช่น ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ ศูนย์มะเร็งศูนย์หุ่นยนต์ผ่าตัด 9. เดินหน้าผลักดันการใช้ผังเมืองรวมใหม่ ส่งเสริมให้มีการเพิ่มพื้นที่เพื่อสาธารณประโยชน์มากขึ้น เช่น มีพื้นที่การดูแลเด็กและผู้สูงอายุใน อาคารหรือสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ 10. พัฒนาศูนย์สร้างสุขทุกวัยให้มีศูนย์ออกกําลังกายสําหรับผู้สูงอายุ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และมีห้องฟิตเนส ที่มีมาตรฐาน ส่งเสริมให้คนทุกช่วงวัยได้มีพื้นที่ออกกําลังกาย 11.ผลักดันให้มีการจัดตั้ง บ้านผู้สูงอายุ เพื่อดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี 12. ส่งเสริมกลุ่มกองทุนชุมชนสําหรับกู้ยืมเงินประกอบอาชีและงานสำหรับผู้สูงอายุ
โดย พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ถึงแม้วันนี้อากาศจะร้อนจัด แต่พอได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชนก็ทำให้หายร้อนมีกำลังใจในการลงพื้นที่ต่อ เนื่องจากวันนี้ เป็นวันผู้สูงอายุ ที่ผ่านมาสมัยเป็นผู้ว่าฯ มีนโยบาย เพื่อผู้สูงอายุมาโดยตลอด ทั้งศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่จะผลักดันให้มีมากยิ่งขึ้น การดูแลผู้สูงอายุช่วงโควิดที่ดูแลอย่างใกล้ชิดถึงบ้าน รวมทั้งทำให้มีศูนย์รวมของคน 3 วัย คือศูนย์สร้างสุขทุกวัย ในชุมชนที่จะมีทั้งเด็ก คนวัยทำงาน และผู้สูงอายุ มาทำกิจกรรมร่วมกันลดช่องว่างระหว่างวัย ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุไม่เหงาอย่างแน่นอน และยังกล่าวอีกว่า ตนก็เป็นคนสูงวัยที่ถือว่าอยู่ในวัยเกษียณคนหนึ่ง ที่ยังมีไฟในการทำงาน ดังนั้น ผู้สูงอายุที่ยังมีกำลังในการทำงาน ก็จะพยายามให้ได้ทำงานและมีเงินเดือนตอบแทนซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้ดูแลเรื่องนี้ไม่เคยทอดทิ้ง
ด้านผลงานของ พล.ต.อ.อัศวิน สมัยเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้ดูแลผู้สูงวัยที่ทำไปแล้ว มีทั้ง1. เปิดโรงพยาบาลผู้สูงอายุ บางขุนเทียน ,บริการดูแลและฟื้นฟู้สุขภาพผู้สูงอายุก่อนกลับบ้านที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ 2.จัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุ ดูแลอย่างครบวงจร จำนวน 85 แห่ง 3.เพิ่มศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง 4. กทม.ใส่ใจผู้สูงอายุ หัวใจแกร่ง 5.มีช่อง Fast track สำหรับผู้สูงอายุใน 9 รพ.สังกัด กทม.และพัฒนาระบบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ ในพื้นที่กรุงเทพมาหนคร ให้บริการผู้สูงอายุแล้วกว่า 37,800 ราย 6.ให้บริการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง กว่า 5,000 ราย 7.จัดตั้งศูยน์อออกกำลังการสำหรับผู้สูงอายุที่ศูนย์กีฬาไทยญี่ปุ่น ดินแดง 8. สร้างบ้านพักบึงสะแกงาม จากเดิมมี 1 แห่งเพิ่มเป็นแห่งที่สอง 9. คืนรอยยิ้มสู่ผู้สูงอายุ ด้วยการจัดบริการทันตกรรมเคลื่อนที่ในชุมชนทั้ง 50 เขต 10.มอบเครื่องช่วยฟังให้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาหาได้ยินจำนวนกว่า 600 ราย 11.จัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมต่อสุขภาพให้ผู้สูงอายุและผู้พิการ รวมกว่า 3,700 ราย 12.รถตู้ฟรีสำหรับผู้สูงอายุ และผู้พิการ จำนวน 30 คัน ( เวลา 06.00-22.00 น.) โดยมีบริการ 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์หนองแขม ศูนย์รามคำแหง 40 และศูนย์พระราม 3 ขอ 13.อบรมอาสาสมัครดูและผู้สูงอายุที่บ้าน จำนวนกว่า 3,300 ราย 14. ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่ได้รับการส่งต่อจากระบบ BMA Home Ward Referral Center
ส่วนนโยบายที่จะผลักดันและทำต่อ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เช่น ๅ1.พัฒนาพื้นที่สําคัญของเมือง ให้เป็นย่านแห่งการเดินเท้าที่สะดวก เช่น ศูนย์การแพทย์ 2. ผลักดันให้มีโรงพยาบาล ในสังกัด กทม. ในพื้นที่กรุงเทพเหนือ เพื่อให้ กทม. มี รพ.กทม.ครอบคลุมทุกมุมเมือง 3. พัฒนาศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่งเป็นรพ.ประจําเขตสําหรับการวินิจฉัยและรักษาเบื้องต้น รวมทั้งมีศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง 4. ผลักดันให้มีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน โดยมีอาสาสมัครดูแลผู้ป่วย (Care Giver) ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักวิชาการอย่างถูกต้อง 5.พัฒนาระบบบริการแพทย์ฉุกเฉิน ให้มีความรวดเร็วมากขึ้น 6.ส่งเสริมระบบการรักษาพยาบาลเชิงรุกถึงบ้าน เช่น Telemedicine, Mobile Lab 7. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาศักยภาพและขยายขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลสังกัด กทม. 8.ส่งเสริมให้มีศูนย์บริการรักษาโรคเฉพาะทาง เช่น ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ ศูนย์มะเร็งศูนย์หุ่นยนต์ผ่าตัด 9. เดินหน้าผลักดันการใช้ผังเมืองรวมใหม่ ส่งเสริมให้มีการเพิ่มพื้นที่เพื่อสาธารณประโยชน์มากขึ้น เช่น มีพื้นที่การดูแลเด็กและผู้สูงอายุใน อาคารหรือสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ 10. พัฒนาศูนย์สร้างสุขทุกวัยให้มีศูนย์ออกกําลังกายสําหรับผู้สูงอายุ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และมีห้องฟิตเนส ที่มีมาตรฐาน ส่งเสริมให้คนทุกช่วงวัยได้มีพื้นที่ออกกําลังกาย 11.ผลักดันให้มีการจัดตั้ง บ้านผู้สูงอายุ เพื่อดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี 12. ส่งเสริมกลุ่มกองทุนชุมชนสําหรับกู้ยืมเงินประกอบอาชีและงานสำหรับผู้สูงอายุ