กรุงเทพมหานครก่อตั้งมาจะครบ 50 ปี ในปี 2565 นี้ โดยวันที่ 14 ธันวาคม ของทุกปี เป็น “วันสถาปนากรุงเทพมหานคร” ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งศตวรรษนี้ เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครมีพ่อเมืองมาแล้ว 16 คน ซึ่งจากการแต่งตั้ง 9 คน และการเลือกตั้ง 7 คน มีปลัดกรุงเทพมหานครจนถึงปัจจุบัน รวม 20 คน และในวันที่ 22 พ.ค.นี้ คนกรุงจะได้รู้ว่าใครจะเข้ามานั่งเก้าอี้ “พ่อเมือง คนที่ 17” ด้วยกรุงเทพมหานครเป็นเขตปกครองพิเศษ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ที่มีสภากรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มาจากการเลือกตั้ง โดยผู้ว่าฯ จะมีทีมบริหารงานเป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง บริหารงานร่วมกับข้าราชการฝ่ายประจำที่มีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำให้อยากรู้ว่าสเปกผู้ว่าฯกทม.คนใหม่นี้ เหล่าข้าราชการประจำเขาอยากได้คนแบบไหน นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานครคนปัจจุบัน กล่าวว่า เชื่อว่าข้าราชการกทม.ต่างมีสเปกตัวผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ของแต่ละบุคคล แต่โดยส่วนตัวเองนั้นไม่มีสเปกผู้ว่าฯคนใหม่ ใครก็ได้ ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกคนที่ท่านเห็นว่าจะมาทำคุณประโยชน์ให้กับคนกรุงเทพฯ และทำให้เมืองกรุงเทพฯ นี้ดีขึ้น ซึ่งตนก็พร้อมทำงานร่วม เพราะมีหน้าที่นำนโยบายผู้ว่าฯ ไปปฏิบัติ โดยผู้ว่าฯกทม. จะมีทีมบริหารที่เข้ามาด้วยรวม 19 คน ประกอบ ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ 4 คน เลขาฯ 1 คน ผู้ช่วยเลขาฯ 4 และ ที่ปรึกษาฯ 9 คน ฝ่ายข้าราชการประจำนอกจากจะดำเนินการนโยบายของผู้ว่าฯ แล้ว ก็ดำเนินการตามแผนของกรุงเทพมหานครที่กำหนดไว้ รวมถึงแผนพัฒนาระดับชาติด้วย ที่สำคัญที่สุดคืองานดูแลประชาชนที่มาติดต่อราชการต่างๆกับกรุงเทพมหานคร งานกูแลความปลอดภัย และงานด้านต่างๆตามระเบียบกรุงเทพมหานครที่กำหนดไว้ ผู้ว่าฯ เสมือนเป็นตัวแทนของประชาชน เป็นเสียงที่เขาอยากสะท้อนว่าอยากให้กทม.เดินไปในทิศใด เชื่อว่าข้าราชการกทม.พร้อมจะสนับสนุนงานเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสุข โดยกลไกที่จะทำให้งานสำเร็จก็คือข้าราชการทั้งหมดของกทม.ที่มีอยู่แสนกว่าคน นอกจากสนับสนุนงานของผู้ว่าฯ แล้ว ปลัดก็มีหน้าที่เสนอแนะงานที่นอกเหนือจากนโยบายผู้ว่าด้วย “ การที่จะทำงานต่างๆ ให้สำเร็จได้ตามนโยบายนั้น ทีมปลัด ก็จะต้องทำงานร่วมกับทีมผู้ว่าฯ เพื่อให้งานเป็นไปตามแผนที่กำหนด .. จะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ หรือที่อยู่ในกรุงเทพฯ มีความสุข ไม่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ถือเป็นหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ที่ทั้ง 2 ทีม จะทำงานร่วมกัน” และการที่นโยบายต่างๆจะเดินหน้าไปได้ อีกส่วนสำคัญหนึ่งคือสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก.ที่จะมีการเลือกตั้งพร้อมกันในวันที่ 22 พ.ค.นี้ด้วย ซึ่ง สภากทม.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติแผนโครงการต่างๆ ของฝ่ายบริหาร ที่ผู้ว่าฯ เสนอสภากทม. ตามอำนาจหน้าที่ เพื่อพิจารณาเห็นชอบในแผนโครงการนั้นๆ งบประมาณของกทม.จะถูกกลั่นกรองและติดตามโดยสภากทม.ว่าได้ประโยชน์มากน้อยตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนหรือไม่ ท้้งนี้เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณที่มาจากประชาชนได้เกิดประโยชน์คุ้มค่าที่สุด “ การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และ ส.ก. จึงมีส่วนสำคัญมากในการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ จะได้กินดีอยู่ดี มีความสุข .. ประชาชนก็ควรจะหาผู้ว่าฯกทม. ที่ท่านเห็นว่าสมควรที่จะมาเป็นผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ทำให้เมืองนี้ดีขึ้น “ ปลัดกทม.ย้ำ ตนขอเชิญชวนคนกรุงเทพฯออกมาใช้สิทธิ แสดงพลังของท่าน ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เวลา 08.00 - 17.00 น. ซึ่งเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะมีความตื่นตัวอย่างมาก และจะมีความคึกคักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และ ส.ก. ถึงร้อยละ 70 ปลัดกทม.ทิ้งท้าย