วช. มอบรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาปรัชญา ประจำปี 2564 แก่นักวิจัย ม.ธรรมศาสตร์
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดกิจกรรมแถลงข่าว NRCT TALK “เปิดบ้านงานวิจัยและนวัตกรรม By NRCT (In-House): 1 ในนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2564 (ครั้งที่ 5)” เชิดชูเกียรตินักวิจัยไทยที่มีผลงานโดดเด่น สร้างคุณูปการให้วิชาการและประเทศชาติ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดกิจกรรมแถลงข่าว NRCT TALK “เปิดบ้านงานวิจัยและนวัตกรรม By NRCT (In-House): 1 ในนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2564 เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการสร้างแรงจูงใจของนักประดิษฐ์ และนักวิจัยในอันที่จะพัฒนานวัตกรรมทางความคิด และภูมิปัญญาที่เป็นประโยชน์ สร้างความก้าวหน้าในศาสตร์แขนงต่างๆ ซึ่งในวันนี้ วช. ได้มีการเปิดตัว 1 นักวิจัย ผู้ที่ได้รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2564 จากจำนวน 7 ท่าน ใน 5 สาขา ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ แห่งคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาปรัชญา ประจำปี 2564
ศาสตราจารย์ ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ เป็นนักวิจัยที่ได้อุทิศตนเพื่องานวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มทำงานวิจัยตั้งแต่พ.ศ.2546 ซึ่งงานวิจัยจะเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาเป็นหลัก ทั้งในด้านแนวคิด คำสอน หรือหลักธรรม รวมทั้งการประยุกต์ใช้หลักธรรมในสังคมปัจจุบัน เช่น คำสอนเรื่องนิพพาน การใช้พุทธธรรมเพื่อดำเนินการทางเศรษฐกิจในสังคมทุนนิยม และด้านกิจการรวมทั้งปัญหาด้านต่างๆ ของพระสงฆ์ หรือ คณะสงฆ์ เช่น ปัญหาเรื่องสมณศักดิ์ ปัญหาการทำผิดพระวินัย และกฎหมายพระสงฆ์องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัยสามารถสร้างความเข้าใจและช่วยแก้ปัญหาด้านคำสอน และความเชื่อทางพระพุทธศาสนาในสังคมไทย เช่น ปัญหาเรื่องนิพพานและอนัตตา ความเชื่อเรื่องชีวิตระหว่างภพ หรือหลังความตาย การแก้ปัญหาเกี่ยวกับพระสงฆ์หรือคณะสงฆ์ที่เกี่ยวกับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย สามารถช่วยอธิบายปัญหา และเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมทั้งเป็นข้อมูลพื้นฐานในการศึกษา ค้นคว้าวิจัยต่อยอด ของนักศึกษา อาจารย์ และนักวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ต่อไป
ผลงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ มีความโดดเด่นในแง่ของการเสาะแสวงหาความจริงใน 3 มิติ ได้แก่ 1.คำสอนหรือหลักธรรม 2.การนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบัน 3.การปฏิรูปพัฒนาและแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับคณะสงฆ์ จึงได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2564
ศ.ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ กล่าวว่า แนวทางในการนำงานวิจัยด้านพระพุทธศาสนามาปรับใช้กับสังคม ควรขึ้นอยู่กับความเชื่อและการยอมรับของผู้นำไปใช้ด้วย โดยต้องถูกต้อง ตรงตามหลักคัมภีร์พระไตรปิฎก พร้อมทั้งต้องมีการนำมาอ้างอิงกับศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและถูกนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ด้านการใช้ชีวิตประจำวัน ด้านครอบครัว และการทำงาน โดยทางพระพุทธศาสนาให้ยึดถือหลักทางสายกลาง ซึ่งตรงกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 อันหมายถึงความพอดี พอเพียง ในทุกๆ ด้าน
โดยเน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงในการค้นหาแนวทางแก้ไขและพัฒนา คือ ต้องใช้สติปัญญา และความเมตตากรุณา เพราะในสังคมไทย ณ ปัจจุบัน ค่อนข้างต้องเผชิญกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และการใช้ความรุนแรง ทั้งนี้หากสามารถนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาปรับใช้ได้ จะสามารถช่วยให้ประเทศของเรามีความสมดุลและมีความสงบสุขมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งยังฝากข้อแนะนำแก่นักวิจัยรุ่นใหม่ ถึงการทำงานด้านการวิจัยในมุมมองของอาจารย์ว่า งานวิจัยควรจะต้องปราศจากอคติ และค้นคว้าหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้แก่สังคม เพื่อให้งานวิจัยถูกหยิบยกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างเป็นรูปธรรม