เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 63 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ได้แถลงว่า ตามที่ กอ.รมน. และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU ปี 2562-2565) การใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัย และนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ให้ชุมชนเข้มแข็ง นำความรู้จากผลงานเหล่านั้นไปขยายผลให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมนั้น พล.ต.ธนาธิป กล่าวว่า จากความร่วมมือดังกล่าว กอ.รมน. โดยศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 (ศปป.4 กอ.รมน.) ได้ขอรับการสนับสนุน เครื่องวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (Dustboy) จำนวน 120 เครื่อง จาก วช. เพื่อนำไปติดตั้งในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อยู่เป็นประจำ ในพื้นที่ของ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ทั่วประเทศ โดยจะไม่ติดตั้งซ้ำกับจุดที่ วช.ติดตั้งอยู่เดิม สำหรับอุปกรณ์ดังกล่าว ได้แบ่งการส่งมอบออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ส่งมอบในพื้นที่รับผิดชอบของ กอ.รมน.ภาค 1 จำนวน 30 เครื่อง การส่งมอบ ในระยะที่ 2 จำนวน 90 เครื่อง ส่งมอบในพื้นที่รับผิดชอบของ กอ.รมน.ภาค 2, กอ.รมน.ภาค 3 และ กอ.รมน.ภาค 4 โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ก.ค. 63 เป็นต้นมา ทั้งนี้เพื่อให้ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ได้ดำเนินงานบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้ประโยชน์ในการเฝ้าระวังการแจ้งเตือน สำหรับช่วยลดผลกระทบตามมาตรการตรวจสอบและลดจุดกำเนิดของมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ พล.ต.ธนาธิป กล่าวว่า การติดตั้งเครื่องวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (Dustboy) เป็นเครื่องมือสำคัญในการสนองตอบต่อนโยบาย ของรัฐบาลในการใช้นวัตกรรมมาแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองตามมาตรการ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ซึ่งเครื่องวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (Dustboy) นี้ มีขีดความสามารถตรวจวัดค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐาน และสามารถรายงานข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ได้ตามเวลาปัจจุบัน (Realtime) โดยผ่านการรับรองคุณภาพจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล ทั้งนี้ กอ.รมน. จะมีการประเมินผลและประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องมือฯในช่วงที่เกิดผลกระทบ ของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน นำมาใช้ประโยชน์ในการแจ้งเตือนให้กับประชาชนได้รับทราบข้อมูลได้อย่างทันท่วงที เพื่อหารือแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ต่อไป