ด้วยผลลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2562 ส่งผลให้ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.ได้คะแนนการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) อยู่ที่ 95.06 สูงเป็นอันดับ 2 ขององค์การมหาชนทั่วประเทศที่ร่วมเข้ารับการประเมิน 39 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งมาจากการดำเนินงานอย่างมีขั้นตอน ทั้งนี้ นาย ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้สะท้อนการทำงานได้อย่างสนใจ ทำงานมีความโปร่งใส โดย นาย ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. กล่าวว่า ทาง อพท.มีผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ ประจำปีงบประมาณ 2562 อยู่ที่ 95.06 สูงเป็นอันดับ 2 ซึ่งมาจากหลักการของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ที่ใช้เกณฑ์การประเมินจากการเก็บข้อมูล 10 ด้านของทุกหน่วยงาน ได้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ การใช้งบประมาณ การใช้อำนาจ การใช้ทรัพย์สินของทางราชการ การแก้ปัญหาการทุจริต คุณภาพการดำเนินงาน ประสิทธิภาพการสื่อสาร การปรับปรุงการทำงาน การเปิดเผยข้อมูล และการป้องกันการทุจริต ซึ่งผลคะแนนที่ อพท. ได้รับนั้นมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ 1.ผลการดำเนินงานภายใน (Internal) ได้คะแนน 96.68 2.ผลการดำเนินงานภายนอก (External) ได้คะแนน 91.44 และ 3. หลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence base) ได้คะแนน 100 เต็ม ทั้งนี้ผลคะแนนที่ออกมาในแต่ละข้อ เฉลี่ยอยู่ที่ 92-97% ซึ่งทั้งหมดเป็นผลจากการดำเนินงานจริงทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กร ที่มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และผู้ตรวจประเมินเห็นได้จริง โดยในส่วนของการบริหารจัดการภายใน มีระบบรับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ เพิ่มการมีส่วนร่วม ทำงานเป็นทีม เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานมีการเติบโตในสายงาน ส่วนการจัดการภายนอก อพท. ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย การใช้งบประมาณการดำเนินงานจึงมีความโปร่งใส อีกทั้งในอนาคต อพท. มีแผนที่จะนำระบบไอทีมาปรับใช้ในระบบการทำงานของ อพท. เพื่อเพิ่มความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ใช้ระบบอีคอมเมิร์ช อย่างไรก็ตาม นาย ทวีพงษ์ กล่าวว่า ทางอพท.ยังได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศบริหารทรัพยากรองค์กร หรือ ระบบ ERP โดยเรียกว่า E-Office มาใช้งานภายในองค์กรตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 ซึ่งประโยชน์ของระบบนี้ จะช่วยในเรื่องการตรวจสอบการใช้งบประมาณ ช่วยประหยัดงบประมาณ เพราะลดการใช้กระดาษ แต่มีความแม่นยำตรวจสอบได้ถึงขั้นตอนการทำงาน (workflow) การลงนามในเอกสารของแต่ละแผนก โดยจะมีเวลากำกับ ณ เวลานั้นทุกครั้งของการลงนาม ไม่สามารถลงเวลาย้อยหลังได้ เส้นทางการเดินเอกสารจึงมีความโปร่งใส ติดตาม ตรวจสอบ ได้ตลอดเวลา สำหรับระบบ ERP นี้ อพท. เป็นหน่วยงานลำดับต้นๆ ที่หน่วยงานต่างๆ ให้ความไว้วางใจ เข้ามาศึกษาดูงานในระบบการทำงานนี้ โดย อพท. เริ่มใช้ E-Office ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 และมีการพัฒนาประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดได้ปรับปรุงระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง และในปีงบประมาณ 2563 จะดำเนินการปรับระบบการบริหารและการจัดการโครงการ หรือ E Project เพื่อรองรับแผนการปฏิบัติงานและงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการประมวลผล และเพื่อลดภาระของหน่วยงานทั้งส่วนกลางและส่วนพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสต์ชาติของรัฐบาล ปัจจุบัน อพท. อยู่ระหว่างการดำเนินงานในแผนยุทธศาสตร์ไอที ระยะ 3 ปี ที ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2563-พ.ศ.2565) เป้าหมายคือพัฒนาระบบไอทีของหน่วยงานทั้งระบบภายในและระบบภายนอก โดยจะเน้นเพิ่มการบริการให้กับภายนอกเพิ่มมากขึ้น มีเป้าหมายสูงสุดคือการนำเอาเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชน ตอบสนองนโยบายรัฐบาล โดย อพท. จะนำดิจิทอลแพลตฟอร์มมาใช้ให้บริการด้านข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต้นแบบ และการถ่ายทอดความรู้ผ่านดิจิทอลแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกันระบบนี้จะเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้บริการ เพื่อนำกลับมาเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ของชุมชน ได้มากที่สุด