เสือตัวที่ 6 การลงมือปฏิบัติการก่อเหตุความไม่สงบในเมืองหลวงของประเทศ อันเป็นศูนย์กลางของดินแดนแห่งนี้ นับเป็นความท้าทายอำนาจรัฐของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ จชต.อย่างฮึกเหิมยิ่ง เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่นิยมความรุนแรงที่อยู่ในขบวนการแบ่งแยกดินแดนปลายด้ามขวาน ที่บังอาจประกาศศักดา แสดงศักยภาพในการเดินทางมาร่วมกันก่อเหตุความไม่สงบถึงกรุงเทพมหานครในห้วงเวลาเดียวกัน แม้จะตระหนักดีว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานครแห่งนี้ จะมีกล้องวงจรปิดอยู่ถี่ยิบแทบทุกตารางนิ้วก็ตาม คนกลุ่มนี้ยังกล้าลงมือวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงได้ ด้วยเจตนาในการสร้างข่าวการมีเหตุไม่สงบให้บังเกิดขึ้นในสายตาชาวโลก ในระหว่างการประชุมระดับนานาชาติที่กรุงเทพฯ เพื่อสื่อให้สังคมโลกเห็นว่า ในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทย ยังมีกลุ่มคนที่ขัดแย้งกับรัฐ หากแต่การเดินทางมาก่อเหตุครั้งนี้ เป็นการลงทุนที่สูงกว่าทุกครั้ง เพราะเป็นพื้นที่กรุงเทพ เป็นศูนย์กลางของการรักษาความปลอดภัยสูงสุดของประเทศ และผลตอบรับของการลงมือครั้งนี้ ก็นับว่าไม่ได้ผลตามความต้องการของขบวนการร้ายแห่งนี้เท่าที่ตั้งใจ เพราะประชาคมโลกต่างนิ่งเฉย และไม่มีทีท่าใดๆ ในการสนับสนุนการกระทำของขบวนการแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญคือ กลุ่มคนที่ร่วมกันก่อเหตุครั้งนี้ ยังถูกติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างทันควัน และจากการสอบสวนก็พบว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นกลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ลงทุนเดินทางมาก่อเหตุถึงในกรุงเทพมหานคร และส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม จึงไม่ได้ถูกจับตามองของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งทางการเรียกคนกลุ่มนี้ว่า เป็นแนวร่วมกลุ่มคนหน้าขาว ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากแกนนำระดับมันสมองที่สร้างคนกลุ่มนี้ขึ้นมาร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นมือระดับปฏิบัติการที่รอดพ้นการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐ คำถามจึงเกิดขึ้นว่า กลุ่มคนแนวร่วมหน้าขาวเหล่านี้ มาจากไหน และถูกสร้างมาได้อย่างไร ในขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ จชต. มีอยู่เต็มไปหมด คำตอบดังกล่าว ได้มาจากงานวิจัยฉบับหนึ่งของคนในวงการความมั่นคงของรัฐ ที่พบว่า ขบวนการร้ายแห่งนี้ มีการสร้างแนวร่วมหนาขาวที่มาจากสถานศึกษาบางแห่งในพื้นที่อย่างแยบยล รอดพ้นสายตาเจ้าหน้าที่รัฐมาอย่างต่อเนื่อง จากการติดตามและตรวจสอบงานด้านการข่าวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ปรากฏข่าวสารว่ามีเยาวชนส่วนหนึ่งหายไปจากระบบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาทั้งหญิงและชาย ซึ่งพบว่ากลุ่มแกนนำ มีการเข้าไปพบปะกับครอบครัวของเยาวชนดังกล่าวที่มีการเก็งตัวไว้แล้วเพื่อชักจูงและชี้นำเข้าสู่ขบวนการฯ ดังที่ปรากฏว่าการก่อเหตุหลายๆ ครั้งในห้วงที่ผ่านมา มีเยาวชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการก่อเหตุในลักษณะเป็นส่วนชี้เป้าหรือเข้าไปลอบวางระเบิดด้วยตนเองตามภาพข่าว รวมทั้ง พบว่ามีสถานศึกษาศาสนาอิสลามเอกชนสอนศาสนาอิสลามและสถานศึกษาปอเนาะบางแห่ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับ กลุ่มขบวนการฯก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มขบวนการ ใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะแนวความคิดการก่อความไม่สงบและปลูกฝังแนวความคิดความเชื่อที่ไม่ถูกต้องให้กับเยาวชนในสถานศึกษาศาสนาอิสลามดังกล่าวและไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการเข้าไปตรวจสอบขบวนการฯบ่มเพาะแนวความคิดการก่อความไม่สงบดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงสามารถสร้างเปอมูดอ (เยาวชนจัดตั้ง) และคนกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มแนวร่วมหน้าขาว รุ่นใหม่ที่จะสืบทอดการต่อสู้กับรัฐ โดยสามารถรอดพ้นการเกาะติดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไปได้ เพื่อสนับสนุนและสืบทอดแนวความคิดในการต่อสู้ด้วยความรุนแรงภายใต้ความเชื่อและศรัทธาใน “สงครามญีฮาด” ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงดำรงอยู่ต่อไปและสร้างความสูญเสียให้กับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง โดยจะสอดแทรกเข้ามาแสวงประโยชน์จากการที่สถานศึกษา ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์รวมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ในการสร้างสมาชิกแนวร่วมหน้าขาว หรือแนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้สถาบันปอเนาะหรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามบางแห่งดังกล่าว เป็นสถานที่ในการหล่อหลอมกล่อมเกลาความคิด ความเชื่อ อย่างเป็นระบบ จนเป็นการบ่มเพาะแนวความคิดการก่อความไม่สงบ เพื่อเป้าหมายระดับยุทธศาสตร์สำคัญคือ การแบ่งแยกดินแดน การสร้างแนวร่วมหน้าขาว โดยนักจัดตั้งเยาวชน (เปอร์กาเดส) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสภาปฏิบัติงานกลางของขบวนการ มีหน้าที่ในการสร้างสมาชิกของขบวนการหรือเยาวชนจัดตั้ง (เปอมูดอ) โดยมีงานที่สำคัญคือ การคัดเลือกเยาวชนจากในสถานศึกษาศาสนาอิสลาม เพื่อคัดเลือกเข้าทำการฝึกเป็นเยาวชนจัดตั้ง (เปอมูดอ) และคัดเลือกเข้าทำการฝึกเป็นกองกำลังติดอาวุธ โดยเริ่มจากการลองใจในการก่อเหตุเล็กๆ เช่น ดูต้นทาง ติดป้ายผ้าปลุกระดม ฉีดสีสเปรย์โจมตีรัฐ โรยตะปูเรือใบ วางระเบิดลวงเจ้าหน้าที่ ไปจนถึงขั้น ร่วมปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงจริง ไม่ว่าจะเป็นการใช้อาวุธโจมตีรัฐ ไปจนถึงวางระเบิดโจมตีทำลายเป้าหมายที่กำหนด และคนกลุ่มนี้เอง ที่เป็นกลุ่มคนหน้าขาวที่มาร่วมก่อเหตุวางเพลิง และวางระเบิดทั่วกรุงเทพฯ พร้อมๆ กันหลายจุดที่ผ่านมา แม้การลงมือครั้งนั้น จะไม่ได้สร้างความสูญเสียมากมายเท่าใดนัก หากแต่ว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ จะต้องหันกลับมาตระหนัก และให้ความสำคัญกับการสร้างแนวร่วมหน้าขาวของขบวนการร้ายแห่งนี้ อย่างจริงจังให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน เพราะตราบใดที่ขบวนการร้ายแห่งนี้ ยังสามารถสอดแทรกไปในสถานศึกษาในพื้นที่อยู่ได้ และใช้ช่องว่างของการทำงานของรัฐ ไปปลุกระดมความเกลียดชัง สร้างความคิดแปลกแยกให้กับคนรุนใหม่อยู่ในลักษณะนี้ เพื่อสร้างแนวร่วมหน้าขาวมาร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน กลุ่มแนวร่วมหน้าขาวของขบวนการร้ายแห่งนี้ จะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐ ด้วยวิธีรุนแรงได้อย่างไม่สิ้นสุด