เสือตัวที่ 6 เดือนรอมฎอน เรียกกันติดปากว่า "เดือนรอมฎอนอันประเสริฐ" เป็นเดือนที่พี่น้องมุสลิมทั่วโลกถือศีลอด ละจากการทำบาปทุกชนิด จึงถือเป็นเดือนแห่งบุญ โดยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พี่น้องมุสลิมในจังหวัดยะลาและใกล้เคียง เดินทางไปรวมตัวกันที่ "ศาลาดูดวงจันทร์" บนภูเขาบูเก๊ะปาเระ บ้านอาเส็น ตำบลยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา เพื่อดูดวงจันทร์ตามประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี ปรากฏว่ามีโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดแห่งหนึ่ง พร้อมพยาน 3 คน รายงานว่ามองเห็นดวงจันทร์ ณ เวลา 18.36 น. จึงถือว่าวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พี่น้องมุสลิมทั่วประเทศกำหนดถือศีลอดโดยทั่วกัน จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า วันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1440 ตรงกับวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2562 ในขณะที่ห้วงเวลา "เดือนรอมฎอนอันประเสริฐ" ถือกันว่าเป็นเดือนที่พี่น้องมุสลิมทั่วโลกถือศีลอด ละจากการทำบาปทุกชนิด จึงถือเป็นเดือนแห่งบุญอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลก หากแต่ปรากฏการณ์ที่ผ่านมากลับพบว่า มีกลุ่มคนหัวรุนแรงในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทยส่วนหนึ่งที่ฉกฉวยโอกาสที่พี่น้องมุสลิมในพื้นที่ต่างถือศีลอด เป็นการแสวงบุญ ละเว้นการทำความชั่วทำบาปทั้งปวงนั้น ไปชี้นำหลอกลวงให้พี่น้องมุสลิมส่วนหนึ่งหลงผิด โดยใช้โอกาสของการทำตัวให้บริสุทธิ์ดังกล่าวไปใช้ในการก่อเหตุความรุนแรงต่อคนเห็นต่างอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยคนหัวคิดรุนแรงสุดโต่งเหล่านี้ กลับใช้ห้วงเวลานี้บิดเบือนคำสอนของผู้นำศาสนาให้เข่นฆ่า ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่เห็นต่างในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่การปฏิบัติตามคำสอนทางศาสนานั้น มุ่งให้มนุษย์ให้อภัยซึ่งกันและกัน แสวงหาสันติสุขและความเป็นมิตรที่อยู่ร่วมโลกใบนี้ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่คนกลุ่มนี้ กลับใช้ห้วงเวลาที่เป็นมงคลนี้ สะสมกำลังคน และอาวุธทำลายล้างกัน โดยใช้พลังแห่งความศรัทธาทางศาสนาเป็นตัวขับเคลื่อนไปทำบาป ทำลายความสงบสุขเรื่อยมาอย่างไม่น่าให้อภัย และบทเรียนสำคัญประการนี้ จึงเป็นเครื่องส่งสัญญาณให้ฝ่ายความมั่นคงที่กำลังรักษาความสงบสุขในพื้นที่ ต่างเร่งปฏิบัติการเชิงรุก รุกไล่กลุ่มคนหัวรุนแรงที่กำลังรวบรวมผู้คนเพื่อไปก่อเหตุร้ายในห้วงเวลาสำคัญทางศาสนานี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนสาเหตุที่มีการยิงปะทะหลายเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ให้จัดกำลังเชิงรุก 735 ชุดปฏิบัติการ (ชป.) เข้ากดดันและจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่กำลังวางแผนและเตรียมการในการก่อความรุนแรงในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ทั้งบริเวณเทือกเขา ในหมู่บ้านเชิงเขาและหมู่บ้านล่อแหลมในการรวมกำลังเพื่อก่อเหตุตามที่มีข้อมูลด้านการข่าว ทำให้เกิดการยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน และเป็นการชิงการปฏิบัติต่อกลุ่มคนหัวแข็งที่ติดอาวุธและทำลายความพยายามหาจังหวะในการทำร้ายผู้บริสุทธิ์และทำลายความสงบสุขในพื้นที่ของกลุ่มคนหัวรุนแรงก่อนเข้าสู่เดือนรอมฎอน 1440 การปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ส่งผลให้กลุ่มที่นิยมความรุนแรงและติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้ ขาดเสรีในการปฏิบัติเหมือนครั้งก่อนๆ ทำให้ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธของขบวนการต้องหลบหนีเอาตัวรอด บ้างก็ถูกวิสามัญเนื่องจากมีการต่อสู้ด้วยอาวุธ อันเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐในฐานะที่เจ้าหน้าที่จำเป็นที่จะต้องป้องกันตัวตามสมควร และสามารถแย่งยึดฐานที่มั่นสำคัญไว้ได้หลายแห่ง พร้อมยึดอาวุธยุทธภัณฑ์ตลอดจนเครื่องดำรงชีพในป่าได้หลายรายการ อันเป็นการทำลายจังหวะกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ให้ขาดความพร้อมในการก่อเหตุทำร้ายผู้คนตามอำเภอใจในห้วงเดือนสำคัญนี้ได้อย่างที่ผ่านมา อาทิเช่น เมื่อ 3 พ.ค. เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้สนธิกำลังเข้าพิสูจน์ทราบบริเวณเทือกเขาเมาะแต บ้านรือเปาะ ต.ดุซงญอ อ.จะเเนะ จ.นราธิวาส และเกิดการปะทะกับกลุ่มคนร้าย จากการตรวจสอบพบรอยเลือดจำนวนมาก คาดว่าคนร้ายบาดเจ็บหลายคน และยังสามารถตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องสนาม ซองกระสุน และเสบียงอาหารได้จำนวนหนึ่ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ปลอดภัย และก่อนหน้านี้ มีการรุกไล่กลุ่มผู้ต้องสงสัยบริเวณด้านหลัง โรงเรียนบากงพิทยา ต.บางเขา อ.หนองจิก และได้ยิงปะทะกับกลุ่มคนร้าย ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย คือ นายซารีซานอัมรี อายุ 37 จากการตรวจสอบประวัติ นายซารีซานอัมรี เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการและสั่งการ มีหมายจับในคดีความมั่นคง 4 หมาย รวมทั้งการปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่รัฐ บริเวณด่านเกาะหม้อแกง รอยต่อ อ.เทพา จ.สงขลา กับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พบอุปกรณ์ประกอบอาหาร เป้สนาม เปลสนาม เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 มม. และ 5.56 มม. รวมถึงสิ่งของอื่นๆ อีกหลายรายการ ในพื้นที่บ้านปาแด หมู่ 7 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก ซึ่งมีเครื่องบ่งชี้ว่าเป็นของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ และ อ.เมืองปัตตานี เหล่านี้ คือสัญญาณเตือนที่ส่งมาให้ผู้คนในสังคมนี้ ได้รับรู้เชิงประจักษ์ว่า ห้วงเวลาแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เดือนของการสะสมบุญ ละเว้นการกระทำบาปทั้งปวงของพี่น้องไทยมุสลิมในพื้นที่ที่จะเวียนมาอีกคำรบหนึ่ง กลับมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังสร้างความพยายามในการทำลายสิ่งดีงามในห้วงเวลานี้ และนั่นคือภารกิจสำคัญของหน่วยงานความมั่นคงที่จะต้องเร่งปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อให้เดือนรอมฎอนปีนี้ เป็นห้วงเวลาสงบสุขให้จงได้