แสงไทย เค้าภูไทย
ทั่วโลกจับการประชุมเฟดพฤหัสฯนี้ จะขึ้นดอกเบี้ยอีกเท่าใด ดอลลาร์จะแข็งขนาดไหน บาทไทยจะอ่อนค่าลงไปอีกเท่าใด จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไหม
หลังจากบาทอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 7 ปีปลายสัปดาห์ที่แล้ว 36.51 บาท/ดอลลาร์ และมีทีท่าจะทะลุ 37 บาท ก็มีการคาดการณ์กันว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) 10 ส.ค.นี้ จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งเพื่อสกัดบาทอ่อนค่าและสกัดเงินเฟ้อที่ทำสถิติสูงสุด
แต่ก็มีสัญญาณจากแบงก์ชาติว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว พอจะปรับอัตราดอกเบี้ยที่เรี่ยต่ำอันเกิดจาการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่เพราะธนาคารกลางของสหรัฐ(เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 0.75% ในการประชุมเมื่อเดือนก่อน และวันพฤหัสฯนี้มีเค้าว่าจะขึ้นอีก
มีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เพื่อสกัดกั้นเงินฟ้อที่สูงมาก
ธนาคารกลางกว่า 30 แห่งทั่วโลกเตรียมพร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามสหรัฐ
หากเป็นไปตามคาดการณ์ ดอลลาร์ก็จะแข็งขึ้นอีก เงินบาทและเงินสกุลอื่นๆที่ผูกพันกับดอลลาร์ก็จะอ่อนค่าลงไปอีก
ย่อมจะไม่เป็นผลดีต่อภาคการผลิตของไทย ต่อห่วงโซ่อุปทานที่ต้นทุนการผลิตแพงขึ้น
ทั้งนี้เพราะไทยนำเข้าสินค้าพลังงานมีมูลค่าถึง 30% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด
ราคาสินค้าและบริการภายในประเทศก็จะแพงขึ้นอีก ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นไปอีก
จึงมองกันว่า ประชุม กนง. 10 ส.ค.นี้ น่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แต่ก็มีฝ่ายไม่เห็นด้วย ที่มองว่า หากขึ้นดอกเบี้ยตอนนี้ จะกลายเป็นภาระของหนี้ครัวเรือนที่ไทยมีสูงที่สุดในเอเชีย และเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL มาก
ยิ่งกว่านั้น ยังมีกลุ่มเปราะบางอันเป็นผลพวงของการระบาดของโควิด-19 ที่ต้องปิดกิจการช่วงล็อกดาวน์ และเมื่อเปิดเมืองได้ ก็ไม่ดีเหมือนเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด นักท่องเที่ยวหลักจากจีนหายไปหมด แม้ขณะนี้ก็ยังมีปัญหา เพราะจีนใช้มาตรการ Zero Covid ทำให้ยังมีการปิดเมืองในบางมณฑล
การปิดเมืองบางส่วนของจีนกระทบต่อเศรษฐกิจโลกไม่น้อย เพระทำให้หยุดการผลิตไปบางส่วน เศรษฐกิจจีนครึ่งปีแรกโตต่ำกว่าคาด
จีนเป็นชาติที่บริโภคน้ำมันมากที่สุดในโลก เมื่อลดการใช้ ลดการซื้อลง ราคาน้ำมันดิบโลกก็ลดตาม
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลง จนบางขณะเท่ากับก่อนหน้าเกิดโควิด ทำให้หวังกันว่า ราคาสินค้าจะลดลง เงินเฟ้อลดตาม
อย่างไรก็ดี ฝ่ายที่เชื่อว่า กนง.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็ยังเชื่อว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าจะขึ้นอีกถึง 0.50% เท่าตัวของดอกเบี้ยปัจจุบัน
แต่ในกลุ่มที่เห็นว่าดอกเบี้ยจะขึ้น ก็ยังมองว่า น่าจะแค่ 0.25% ด้วยเหตุผลตาม แบงก์ชาติที่แย้มว่า จะขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนอีกกลุ่มที่มองว่า กนง.อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเท่าเดิมไปก่อน ทั้งด้วยเหตุผลเรื่องหนี้ครัวเรือนและเชื่อว่าราคาน้ำมันลด
ราคาสินค้าและบริการก็จะลด เงินเฟ้อก็ลดตาม จึงไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอเบี้ย
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของบาท ทำให้ธปท.ต้องแทรกแซงค่าเงินด้วยการใช้สำรองเงินตราซื้อบาทถึงสัปดาห์ละ 3,000-5,000 ล้านดอลลาร์
จึงถ้าบาทยังอ่อนค่าไม่โงหัว ยิ่งนานยิ่งเป็นภาระต้องนำทุนสำรองออกมาใช้พยุงต่อเนื่อง
การขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงเป็นอีกทางหนึ่งในการสกัดบาทอ่อนค่า
ทั้งเสริมเสถียรภาพบาท ทั้งชะลอการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ที่ถอนเงินไปลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยไทย
กว่าจะถึงวันที่ 10 สิงหาฯ ยังมีเวลาคิดอีกนาน รอผลประชุมเฟดก็แล้วกัน จะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น