เสือตัวที่ 6 เดือนรอมฎอน เดือนแห่งการถือศีลอด หรือ "เดือนปอซอ" ของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก รวมทั้งพี่น้องในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทย นับเป็นเทศกาลที่งดงามมีความขลังและทรงพลังยิ่ง ด้วยแฝงไว้ด้วยกุศโลบายในการบ่มเพาะนิสัยให้คนในศาสนามีความกล้าแข็งกับความทะยานอยาก มีความเข้มแข็งอดทนต่อความหิวโหยในการต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่มนุษย์ธรรมดาๆ ทั่วไปอดทนได้ยาก เพราะเป็นธรรมชาติโดยทั่วไปของสิ่งมีชีวิตที่ต้องการอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปประทังชีวิต ดังนั้นการฝึกให้อดทนต่อความต้องการของร่างกายผ่านจิตใจในการต่อสู้กับความหิวกระหาย จึงเป็นความเข้มแข็งที่คนในศาสนาอิสลามทุกคนต้องฝึกฝน และเอาชนะตัวเองให้ได้อันเป็นหลักการตามคำสอนทางศาสนาอิสลาม นอกจากนั้น "การถือศีลอด" ยังมีความหมายที่กว้างขวางออกไป โดยการตั้งใจประกอบศาสนกิจเพื่ออัลลอฮ์ ด้วยการอดอาหาร งดเครื่องดื่ม และการบริโภคทุกชนิด งดเว้นจากการร่วมประเวณี ระมัดระวังตนเองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต้องห้ามของศาสนา และการกระทำในสิ่งที่ไร้สาระ ทั้งทางตา มือ เท้า หู ปาก เริ่มตั้งแต่รุ่งอรุณจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตกดิน ซึ่งการถือศีลอดนั้นไม่ได้จำกัดเพียงเฉพาะการอดอาหารดังที่เข้าใจกันโดยทั่วไป หากยังรวมถึงการระมัดระวังตนมิให้ประพฤติผิดในเรื่องอื่นๆ ด้วย หัวใจสำคัญของเดือนรอมฎอน หรือการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ก็คือ เพื่อให้ผู้คนที่มีความเชื่อ ความศรัทธาในหลักศาสนา ได้สัมผัสและรับรู้ถึงความทุกข์ยากลำบากของการดำเนินชีวิต รู้จักอดทน อดกลั้นต่อความทุกข์ยากต่างๆ ด้วยความพยายามอย่างแรงกล้าและสติปัญญา เป็นการฝึกฝนจิตใจของมุสลิมให้เป็นผู้มีสติ หนักแน่น มีจิตใจอดทน อดกลั้น ทั้งต่อความหิวโหย ความโกรธ ความปรารถนาแห่งอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน และอดทนต่อสิ่งยั่วยวนต่างๆ ในแวดล้อมในการดำเนินชีวิต สู่การพัฒนาตนเองไปในทางที่ดี สงบนิ่ง แน่วแน่ และมีพลังกล้าแข็งที่จะเผชิญปัญหาและฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ในบัญญัติของศาสนาอิสลาม ให้มุสลิมที่จะถือศีลอดได้จะต้องบรรลุศาสนภาวะ มีอายุ 15 ปีขึ้นไป และหญิงที่เริ่มมีประจำเดือนจะต้องเริ่มถือศีลอดในปีนั้นๆ แต่ต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายสมบูรณ์ ไม่เจ็บป่วย ไม่อยู่ในระหว่างการเดินทาง หากมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นสามารถขอผ่อนผันได้ โดยเมื่อหายป่วยไข้โดยสมบูรณ์ หรือเสร็จสิ้นจากภารกิจการเดินทาง จะต้องกลับมาถือศีลอดให้ครบตามจำนวนวันที่ขาดหายไป การปอซอคือฝึกความอดทนของตัวเอง อดทนเพื่ออัลลอฮ์ ให้ได้ผลบุญมาเกิดประโยชน์กับตัวเอง ทำให้นึกถึงคนที่อดอยาก หิวโหย ไม่มีกิน การถือศีลอด จึงเป็นการฝึกฝนทางจิตใจให้สามารถหักห้ามใจในการอดอาหาร ให้เกิดความรับรู้และสงสารผู้อื่นที่หิวโหยว่าจะรู้สึกอย่างไร ทรมานอย่างไร หากเป็นเราที่ไม่มีอาหารกินในแต่ละวันจะรู้สึกอย่างไร ได้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น นอกจากนั้น ผู้ที่ได้รับการยกเว้นเข้าถือศีลอดในเดือนรอมฎอน จะต้องจ่ายซะกาต (บริจาค) ประเภทอาหารแก่ผู้ยากไร้เป็นการทดแทน ได้แก่ คนชรา คนป่วยเรื้อรังที่แพทย์วินิจฉัยว่ารักษาไม่หาย หญิงมีครรภ์และแม่ลูกอ่อนที่ให้นมทารก ในกลุ่มแม่ลูกอ่อนนั้นไม่จำเป็นต้องปอซอ เพราะเกรงว่าการถือศีลอดอาจเป็นอันตราย การถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก จึงเป็นการปฏิบัติศาสนกิจอันสูงส่ง ยิ่งใหญ่ในหลักการ ที่มีเนื้อหาสาระสำคัญคือ เพื่อขัดเกลาจิตใจของผู้ปฏิบัติ ต่อสู้กับอุปสรรคและความยากลำบาก เพื่อให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง อดทนต่อความยากลำบากต่างๆ ที่ต้องเผชิญ เพิ่มความมุ่งมั่นในการเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง หนักแน่นคงทนแน่วแน่ต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งยังฝึกให้เกิดความรู้สึกในการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกันของเพื่อนร่วมศรัทธา เกิดความสมัครสมานสามัคคีในหมู่คณะร่วมกัน และพร้อมที่จะช่วยเหลือดูแลสนับสนุนซึ่งกันและกันดุจพี่น้องร่วมสายโลหิตในทุกกิจกรรมที่มี ทั้งยังสามารถปฏิบัติได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพียงแต่เดือนรอมฎอนเท่านั้น การปฏิบัติศาสนากิจตามหลักศาสนาดังกล่าว จึงเป็นหัวใจสำคัญของการหล่อหลอมผู้คนในสังคมท้องถิ่นของตนให้เป็นปึกแผ่น สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมที่ต้องอาศัยความเกื้อกูลและไมตรีจิตที่ดีต่อกันอย่างยากที่ผู้ใดจะสอดแทรกเข้ามาเปลี่ยนความคิดความเชื่อแบ่งแยกพวกเขาได้ ความสวยงามของหลักการและเจตนารมณ์ทางศาสนาดังกล่าวข้างต้น น่าจะนำพาให้การอยู่ร่วมกันของกลุ่มคนที่มีความศรัทธาเหมือนกัน ให้สามารถรักและเอื้ออาธรต่อผู้คนได้ในวงกว้างแม้ว่าจะมีความเชื่อ ความศรัทธาที่แตกต่างกันอย่างสันติสุข หากแต่ในทางตรงข้าม กลับมีคนบางกลุ่มที่ฉกฉวยหลักการและเจตนารมณ์อันสวยงามและยิ่งใหญ่เหล่านั้น ไปใช้เพื่อการเป็นประโยชน์กับกลุ่มตน นำความบาดหมาง แยกเขา แยกเรา แยกกลุ่มคนของสังคมประเทศให้ออกห่างจากกัน ประหนึ่งว่า เป็นคนละพวก และที่ร้ายหนักไปกว่านั้นก็คือ การตีความ เบี่ยงเบนสาระสำคัญของหลักการดังกล่าว ไปในทำนองว่า กลุ่มตนมีความเหนือกว่าคนกลุ่มอื่นที่มีความคิดแตกต่างกัน ทั้งยังนำพาให้คิดสุดโต่งจนเป็นความเกลียดชังคนต่างความเชื่อ โดยหยิบยกประวัติศาสตร์เพียงบางส่วน ที่มุ่งการชี้ประเด็นให้เป็นประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลอันเจ็บปวดในอดีต เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มแกนนำเท่านั้น การฉกฉวยใช้พลังจากความเข้มแข็ง อดทนของผู้คน อันเกิดจากการปฏิบัติตนตามหลักศาสนากิจของเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอด จึงเป็นการแฝงเร้นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ มุ่งนำความเข้มแข็ง อดทนดังกล่าว ไปต่อสู้กับคนกลุ่มอื่นอย่างไม่ย่อท้อ ยึดมั่นในการต่อสู้กับคนกลุ่มอื่นอย่างไม่สร้างสรรค์แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยความลำบาก และการสูญเสียโอกาสในการก้าวเดินไปข้างหน้าสู่ชีวิตที่ดีกว่าของพี่น้องร่วมความศรัทธา การเบี่ยงเบน ตีความเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องปลายด้ามขวานแห่งนี้ จึงมีให้เห็นตลอดห้วงเวลาของการต่อสู้ ผ่านแนวคิด คำกล่าว คำสอน ที่อ้างอิงอย่างบิดเบือนอย่างแยบยล จนคนต่างศรัทธาจะสามารถติดตามและเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งในเจตนาแฝงเร้นที่ซ่อนอยู่ ภารกิจของเราคือการช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกอธรรม ด้วยการร่วมกันปกป้อง คุ้มครองรักษา และช่วยเหลือผู้ที่อธรรมต่อผู้บริสุทธิ์ ด้วยการต่อต้าน ขัดขวางพวกเขาทุกวิถีทาง ดังคำสอนที่ว่า "ท่าน จงช่วยเหลือพี่น้องของท่านไม่ว่าเขาจะเป็นผู้อธรรมหรือถูกอธรรมก็ตาม”