เสือตัวที่ 6 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์เรื่องคณะรัฐมนตรีใหม่ และการเดินหน้าประเทศ เมื่อปลายปี 2563 ความตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมา พวกเราได้ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับโควิดจนสำเร็จได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังต้องสู้กันต่อไปอีก เพราะปัญหาโควิดในโลกยังไม่จบ ความร่วมมือกันของทุกคนในช่วงที่ผ่านมา ได้รักษาชีวิตของผู้คนเอาไว้นับหมื่นชีวิต นอกจากนั้น ความร่วมมือกันของพวกเราทุกคน ยังช่วยรักษาเงินของประเทศเอาไว้เป็นพันๆ หมื่นๆ ล้าน ไม่ต้องถูกเอาไปใช้กับการจัดหายาและอุปกรณ์ทางสาธารณสุขมารักษาผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้เราสามารถนำเงินนั้นมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้หลายล้านครอบครัว พร้อมเชื่อว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เรากำลังเผชิญอยู่ จะไม่หายไปได้ในเร็ววัน ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากต่างคาดการณ์ว่าจะต้องทนทุกข์กับวิกฤตนี้ไปจนถึงปลายปีหน้า เมื่อทั้งโลกต้องเจ็บหนักกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายกว่าครั้งไหน สิ่งที่ทำได้ คือการให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน และทำทุกอย่างที่จะช่วยเหลือประชาชนให้อยู่รอดได้ ในช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ เราต้องให้คนที่เก่งที่สุดจากทุกภาคส่วน และจากทุกระดับของสังคม ได้มีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถ ทำงานร่วมกัน เพื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิดนี้ไปให้ได้ และมากกว่าแค่ผ่านพ้นวิกฤตโควิด คือ ตอนนี้เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อวางแผน และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น ด้วยวิธีการทำงานแบบ new normal ที่เรียกว่า รวมไทย สร้างชาติ นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังเน้นว่า สิ่งสำคัญของทุกวันนี้ คือ ความยุติธรรมในสังคม ความเสมอภาคภายใต้กฎหมายเดียวกัน ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสที่จะทำชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นได้ และมีโอกาสที่จะแสดงศักยภาพของตัวเอง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ แม้ว่าเราอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เราต้องแบ่งปันความคิดความเห็นที่แตกต่างซึ่งกันและกันได้ รับฟัง ยอมรับและต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงมุมมองและสิ่งที่ตัวเองคิดที่แตกต่างหลากหลายนั้นออกมา เพื่อช่วยประเทศ นี่คือเจตนารมณ์ที่ชัดเจนยิ่งของผู้นำรัฐบาลภายใต้ พลเอก ประยุทธ์ ในการหลอมรวมผู้คนของชาติ ในยุคนี้ที่มีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้นๆ ในแผ่นดินนี้ จากพัฒนาการของโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ให้รวมพลังกัน มาร่วมกันสร้างชาติ นำพี่น้องร่วมชาติในประเทศนี้ฝ่าฟันความท้าทายใหม่ๆ ไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ในขณะที่พัฒนาการของโลก โดยเฉพาะการรุดหน้าอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีใหม่ที่ส่งผลการรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้ในวงกว้างขวางทั่วโลกอย่างไร้ขีดจำกัด ล้วนเป็นปัจจัยส่งผลต่อกระแสความคิด ความเห็นที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้นๆ ในอัตราเร่งเป็นทวีคูณ ความคิด ความเห็นที่แตกต่าง หลากหลายของคนในยุคนี้ จึงขยายระยะห่างจากคนในยุคก่อนหน้านี้ออกไปเรื่อยๆ หากคนในยุคก่อนไม่อาจก้าวข้ามวิธีคิดที่ตนเองเคยถูกหล่อหลอมมาให้เชื่อและคิดอย่างนั้น ซึ่งนั่นจะทำให้คนในยุคก่อนมองกลุ่มคนในยุคใหม่ในปัจจุบันว่า เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งไม่อาจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างในเวทีนี้ และจะต้องถูกกำจัดให้หมดไปจากสังคมโดยเร็ว แนวคิดของผู้นำประเทศตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ในการรวมไทย เพื่อร่วมกันสร้างชาติให้สามารถฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคทั้งปวงทั้งแบบเดิมและปัญหาภัยคุกคามใหม่ๆ ในอนาคตได้อย่างดีนั้น จึงเป็นแนวคิด เป็นเจตนารมณ์ที่สอดรับกับกระแสโลกใหม่ที่ไม่อาจแยกตัวอยู่โดดเดี่ยวได้อีกต่อไป ไม่อาจเอาแพ้ เอาชนะกันและกันระหว่างกลุ่มคนที่เห็นต่างกันให้สิ้นซากไปได้ โดยนายกฯ เน้นย้ำว่า "นี่คือแนวทางที่ผมได้มอบให้คณะรัฐมนตรีใหม่ คณะรัฐมนตรีที่ต้องรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งวันนี้ ขอพูดต่อหน้าประชาชนคนไทยทุกคนว่า กรุณาปฏิเสธความเกลียดชัง และการแบ่งแยกทางการเมือง ขอให้ปฏิเสธการเมืองแบบเก่า ที่แพร่กระจายเชื้อโรคของความแตกแยก ระหว่าง ความเชื่อที่แตกต่าง คนรุ่นใหม่-คนรุ่นเก่า คนรวย-คนจน หรือความแตกต่างอะไรก็ตามที่ถูกใส่เข้ามาในสังคมของเรา อนาคตเป็นของคนรุ่นใหม่ และอนาคตก็อยู่ในมือคนรุ่นใหม่ ให้คนรุ่นใหม่แสดงออกมาให้ทุกคนเห็นว่า เขามีพลังที่จะเดินหน้าประเทศ ไปในเส้นทางที่จะร่วมแรงร่วมใจกันทุกคนทุกฝ่าย ก้าวข้ามความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง เพื่อช่วยแก้ปัญหาปากท้องในปัจจุบัน และก้าวไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น" แล้วในห้วงเวลานี้ เป็นห้วงของปรากฏการณ์ที่ชัดแจ้งถึงความแตกต่างทางความคิด ความแปลกแยกทางความเห็นของผู้คนต่างยุคที่เติบโตขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย ที่แตกตัวมาจากความเห็นต่างทางความคิดของผู้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ต่อยอดมาอย่างธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงไปในโลกยุคใหม่โดยที่ปรากฏการณ์ในความแตกต่างทางความคิดของคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทยกับพื้นที่อื่นๆ โดยทั่วไปในแผ่นดินนี้ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันโดยตรง หากแต่ปรากฏการณ์ทั้งสองเป็นความแตกต่างทางความคิดเห็นทางการเมืองของคนกลุ่มหนึ่งกับคนอีกกลุ่มหนึ่งในประเทศที่นับวันจะขยายวกว้างไปเรื่อยๆ กระทั่งวันนี้ ความแตกต่างทางความคิด และความเชื่อของคนในชาติล้วนปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้น แม้ว่าในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทยจะมีการต่อสู้ด้วยอาวุธน้อยลงจนประหนึ่งว่ารัฐไทยเอาอยู่ หากแต่แท้ที่จริงแล้ว ความคิดที่แตกต่างเหล่านี้ ยังคงดำรงอยู่ต่อไปและกลับทวีความเข้มข้นมากขึ้น รอวันที่จะมีโอกาสต่อสู้ทางความคิดที่แตกต่างในเวทีที่เอื้ออำนวย และความแตกต่างทางความคิดของคนในชาติเหล่านั้น กลับชัดเจนและขยายตัวจากการเมืองในพื้นที่ไปสู่การเมืองระดับชาติ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะก่อให้เกิดความแปลกแยกของคนในชาติ ตลอดจนผู้ปกครองและคนกลุ่มเห็นต่างเหล่านี้มากขึ้นๆ ความแตกต่างทางความคิดเหล่านั้น จะไม่มีวันหลอมรวมกัน หรืออยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความเห็นตามที่ผู้นำประเทศต้องการผ่านวลีสวยหรูว่า รวมไทย สร้างชาติ อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ตราบใดที่ผู้กำหนดนโยบายไม่ลงมือกระทำอย่างจริงจังในการยอมรับความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อเหล่านั้น ซึ่งจะเป็นที่มาของความแตกแยกของคนในชาติอย่างรุนแรง และนั่นคือที่มาของการมุ่งที่จะต้องหันมา รวมคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวบนความแตกต่างหลากหลายให้เป็นรูปธรรม ก่อนที่จะได้ร่วมแรงกันสร้างแผ่นดินไทยให้กล้าแข็งเพื่อสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ได้ต่อไปในที่สุด