ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ ทั้งที่เดือนนี้เป็นห้วงเวลาดีๆ ของผู้นับถือศาสนาอิสลาม ถือเป็นความประเสริฐของ “เดือนรอมฎอน” เพราะนอกเหนือจากจะเป็นเดือนที่มุสลิมต้องถือศีลอดตลอดทั้งเดือนแล้ว ยังเป็นเดือนที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานอัลกุรอานให้กับท่านนบีมูฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เพื่อใช้สำหรับการเผยแผ่ศาสนา โดยใช้อัลกุรอานเป็นทางนำในการดำเนินชีวิต และได้ทรงส่งมลาอิกะฮฺญิบรีล ลงมาเพื่อบอกถึงหน้าที่สำคัญของการเป็นศาสนทูต โดยเริ่มต้นโองการแรกด้วยกับคำว่า “จงอ่าน” แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่กี่วันที่ผ่านมา กลับกลายเป็น “วันแห่งความโหดร้าย” เพราะมีผู้เสียชีวิตจากการถูกลอบทำร้าย ถูกระเบิด ถูกยิง รวมแล้วหลายชีวิต มีทั้งเป็นทหาร ตำรวจ พลเรือน และแม้กระทั่งเยาวชน ทั้งที่เป็นพุทธและมุสลิม เป็นคนในและนอกพื้นที่ ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่ผู้เขียนได้รับต้นฉบับงานเขียนที่น่าสนใจเรื่อง “การเดินทางสู่ความรักของผองเรา แล้วสันติภาพเป็นของใคร” ของผู้ใช้นามปากกาว่า “นวลีย์” งานเขียนชิ้นนี้เริ่มต้นด้วยการบอกเล่าว่า ก่อนการเดินทางเกือบทุกครั้ง หรือการเดินทางอีกครั้ง และอีกครั้ง มักเกิดคำถามปนกันกับความคิด ซึ่งดูเหมือนเป็นคำถามที่แสนเชยของชีวิตเหล่าผู้มักขบคิดปัญหาในเชิงปรัชญาว่า ผมออกเดินทางเพื่อสิ่งใด เดินทางไปไหน และเมื่อไรจะหยุดการเดินทาง ความร่ำรวย ชื่อเสียง เกียรติยศ และอำนาจ คล้ายเหยื่อล่อจากคันเบ็ดของปีศาจร้าย ในขณะที่ทูตสวรรค์สื่อเสียงแตรสังข์ก้องกังวาน บอกทิศทางของสรรพสิ่งที่หมุนเวียนไปในก้นหอยอันแฉล้มแช่มช้อยด้วยลวดลายที่หมุนวนเข้าสู่จุดหมายข้างใน หากการเดินทางออกสู่โลกข้างนอก โดยการมาเยือนแสนงดงามของสถานการณ์ที่กาลเวลาประทานมาให้ แม้สิ่งที่รูปรอยสูญสลายไปหมดสิ้น กลับหลงเหลือภาพความสมบูรณ์แบบในตัวของมันเอง เมื่อความร่ำรวย ชื่อเสียง เกียรติยศ และอำนาจ ไม่เคยประจักษ์ชัดว่ามันมีอยู่มากพอที่จะเติบเต็มความต้องการของใครสักคนหนึ่ง ซึ่งตัวอย่างของพวกเขาเหล่านั้นก็ปรากฏอยู่ชัดเจนพอสมควร เวลาไม่อาจซื้อกลับคืนได้ ไม่ว่าเราท่านจะเสนอราคาสูงเท่าใดก็ตาม ความยุติธรรมคือลมหายใจ และหัวใจยังเต้นอยู่ ชีวิตจึงประทานเวลามาอย่างไม่ขาดสาย หรือโลกไร้ความยุติธรรม เมื่อประทานสถานการณ์อันเลวร้ายในชีวิต หรือโลกยุติธรรมแล้ว เมื่อทุกชีวิตต่างมีเงื่อนไขของตัวเอง ในการออกเดินทางแต่ละครั้ง ความกลัวทำให้ผมสวดภาวนาถึงคุณบิดามารดา คุณพระรัตนตรัย บรรดาทวยเทวา ผู้รักษาอยู่ในดิน น้ำ และอากาศ พืชพันธุ์ไม้ บ้านเรือน และภูตผีรายทาง ขอความประสงค์ที่ดีงามในตัวผม โปรดบันดาลให้เกิดผลที่ดีต่อชีวิต หากแท้จริงคือความประสงค์ร้าย สิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายก็อย่าได้เข้าข้างการกระทำของตัวผมเอง การเดินทางเพื่อพบบรรดาผู้ร่วมทางสู่ดินแดนสวยงามอันเป็นอุดมคตินั้น การเดินทางครั้งแล้วครั้งเหล่า เพื่อพบปะพูดคุย หรือเผชิญหน้ากับความหวาดกลัว ทั้งของตัวผมเองและผู้อื่น ผมจำเป็นต้องฟังเสียงแห่งความสับสนของตัวเอง ผมพยายามเพื่อคลี่คลายหัวใจของตัวเองออกจากความกลัวอันพันธนาการตัวตนผมไว้ ความดีงามที่ตั้งตระหง่านอยู่บนความจริงอันโหดร้าย เมื่อมนุษย์เข่นฆ่ากันในนามของความดีงามอันประกอบด้วยสัญลักษณ์แห่งหมู่ชนนั้นๆ เสียงภาวนาที่สั่นไหวจากภายในนั้น เสมือนความเป็นเทพเทวาและภูตพรายนำทาง คือจิตวิญญาณอันเป็นตัวตนที่ผมหลงลืมไปแล้ว บางสิ่งอันตกค้างอยู่ เมื่อเวลาหมดลงแล้วจึงไร้อดีตกาล ไร้ปัจจุบัน ไร้อนาคต เมื่อชีวิตยังมีอยู่ เวลาจึงยังมีอยู่ ความกลัว ความรัก และความบันเทิงในหัวใจ ก็ยังมีอยู่ เช่นเดียวกับความกล้าหาญ การสื่อสารผ่านความน้อมนอบต่อสรรพสิ่งถึงอีกด้านหนึ่งจึงยังมีอยู่ ดั่งการปรากฏขึ้นของนางฟ้าองค์น้อยผู้ทำหน้าที่สื่อสาร และเหล่าผู้ร่วมทางที่เริ่มปรากฏขึ้น ตามคำเชื้อเชิญ มาเถิด ร่วมเดินเป็นเพื่อนกัน ร่วมฟังเรื่องราวที่ผมจะเล่า จากดินแดนที่ผมพบผ่าน ด้วยสัญญาที่นำบางสิ่งเข้ามา สัญญาที่นำบางสิ่งออกไป หรือความตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วฉับไหวเช่นรัศมีจากพระธรรมชาติเจ้า ที่ทอดประกายผ่านชีวิตของผมเอง จากดินแดนบ้านเกิดนราธิวาสชายแดนภาคใต้ ก่อนเช้าสู่วัยกลางคน และชีวิตครอบครัวที่เชิงเขาใหญ่ปราจีนบุรี ซึ่งผมพอมีเวลารวบรวม เรียบเรียง เรื่องราวขึ้นที่นี้ จากประสบการณ์การเดินทางไปมาบนเส้นทางของความขัดแย้งทางสังคม และเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และความรักในตัวตน แสงพระอาทิตย์ที่มาเยือนและลมหายใจยังเป็นเพื่อนเดินทาง...ระหว่างรัตติกาลอันมืดมิด เพียงแสงไฟแห่งจักรยนต์บนท้องถนน และกล่อมอยู่ด้วยดวงไฟน้อยๆ แห่งการรับรู้ที่ชีวิตมอบให้ เพื่อการเดินทางจากความรู้สึกข้างในออกสู่ข้างนอก ด้วยสิ่งอันเป็นสาระในรูปรอยของความฟุ้งซ่านซึ่งผลิออกมาด้วยความรำพึง ความรำพึงแห่งตัวอักษร ที่แม้บางถ้อยความผมเองก็ไม่รู้ว่าทิ้งปริศนาใดไว้ ความวกวนกวนใจของคำถามว่า จุดหมายปลายทางคือสิ่งใด ความรัก สันติภาพ สันติสุข สันติธรรม และความหมาย ว่า การเดินทางที่แท้จริง คือการหยุดเดินทาง...ใช่หรือไม่ คำถามที่สะท้อนกลับมาว่า ผมมีความรักต่อผู้อื่นซึ่งมันจะมากน้อยเพียงไร มันต้องมากสักเท่าไรที่จะยืนยันได้ว่าความรักนั้นเป็นของผม ความรักนั้นเป็นของเรา มากพอที่จะปลดปล่อยคำถามว่า ใครเป็นผู้ครอบครองสันติภาพไว้ เมื่อความรักเป็นของเรา สันติภาพเป็นของใคร กระแสสำเนียงเช่นนี้ ฟังดูหม่นเศร้า วังเวง โดดเดี่ยว หากทว่าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเป็นความมุ่งมั่นภายใต้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังดูไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้อย่างแท้จริง จะมีก็แต่วงรอบของความสูญเสียที่ยังคงทำหน้าที่เคลื่อนไหวบดทับชีวิตและจิตวิญญาณของผู้คน “นวลีย์” เป็นชาวนราธิวาสโดยกำเนิด เป็นนักกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมมายาวนาน พยายามใช้พลังของศิลปวัฒนธรรม และพลังทางวรรณกรรม ในการก่อร่างสร้างสิ่งดีๆ การมุ่งเปิดพื้นที่กับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ กับการตั้งคำถามอย่างแหลมคมว่า “การเดินทางสู่ความรักของผองเรา แล้วสันติภาพเป็นของใคร” ในสถานการณ์แหลมคมที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดนี้ ดูเหมือนจะส่งนัยสำคัญลึกซึ้งหลายประการ