ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ ดูเหมือนเรื่องราวของกีฬาอย่าง “วัวชน” กับ “บทเพลง” และ “ภาพยนตร์” จะเดินทางมาบรรจบลงตัวอย่างได้จังหวะเหมาะพอดีในภาพยนตร์ไทยเรื่อง “มหาลัยวัวชน : Song from Phatthalung” โดย บุญส่ง นาคภู่ ภาพยนตร์ชีวิตคนหนุ่มบนเส้นทางความคิด ความรัก ความฝัน ของคนบ้านๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนหนุ่มสาว จนกลายเป็นกระแสที่ได้รับการกล่าวขานกันพอสมควร และผลพวงจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์และเรื่องเล่าใหม่ๆ ที่น่าสนใจตามมามากมาย สร้างความคึกคักให้แก่วงการภาพยนตร์ไทยอย่างเกินความคาดหมาย หลังจากหนังเข้าฉายและลาโรงไปแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับ “มหาลัยวัวชน” ก็ค่อยๆ เงียบหายไปด้วย แต่ผู้เขียนเชื่อว่า เส้นทางชีวิตของคนหนุ่มสาวแบบบ้านๆ บนเส้นทางความรัก ความฝัน ย่อมยังคงโลดแล่นกันต่อไป แม้เส้นทางของเสรีชนทวนกระแสที่สามารถเลือกวิถีชีวิตแบบที่ใจตนเองต้องการได้ จะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกต่อไปแล้วในโลกยุคนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะยากเกินไขว่คว้า หากคำว่า “ฝัน” เป็นคำที่ไม่เชยเกินไปที่จะกล่าวอ้างหรือตอกย้ำให้ติดตรึง ด้วยที่ผ่านมา เคยมีภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวและใช้ฉากถ่ายทำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บางเรื่อง ที่สร้างอิทธิพลหรือเป็นแรงบันดาลใจให้คนหนุ่มสาวยุคนั้น ได้เดินตามฝันของตนเองไปคลุกคลีในแวดวงภาพยนตร์ บันเทิง หรือการแสดงต่างๆ เช่นเรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ บทประพันธ์ของ “นิพพานฯ” (มกุฏ อรฤดี) ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ไทยออกฉายเมื่อปี พ.ศ.2528 ผลงานการกำกับโดย ยุทธนา มุกดาสนิท ได้รับคำชื่นชมมากมาย นั่นทำให้ผู้เขียนนึกถึงชีวิตของ “ติณ” เด็กหนุ่มบ้านๆ คนหนึ่งที่รุ่มรวยความฝันจากสุราษฎร์ธานี และตัดสินใจมุ่งไปเรียนรู้ตักตวงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการภาพยนตร์และละครไกลบ้านไกลเมืองถึง “อเมริกา” “ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย ซึ่งอาจทำให้มีมุมมองที่แตกต่างไป สำหรับหนังเรื่องมหาลัยวัวชน ผมได้ดูตัวอย่างสั้นๆ จาก youtube แต่เคยเปิดเพลงมหาลัยวัวชนฟัง รู้สึกว่าเป็นเพลงที่ไพเราะ เนื้อหาตรงไปตรงมาเข้าใจง่าย เพราะผมเองก็เป็นคนใต้เหมือนกัน ทำให้อินมากขึ้น หนังเรื่องนี้สะท้อนให้ผู้ชมเข้าใจถึงวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านได้ดี ให้แง่คิด ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนมีฝันทุกคน” ติณ - ภูริภพ ศรีจันทร์ หรือชื่อในวงการคือ Tin Tin บอกเล่าถึงความรู้สึกในฐานะเด็กหนุ่มชาวใต้คนหนึ่ง เขามีความเชื่อมั่นเสมอมาว่า ทุกคนมีโอกาสที่จะตามหาฝันของตัวเอง และมีโอกาสทำฝันให้เป็นจริงได้ “โดยส่วนตัวแล้วผมก็ชอบหนังแนวแบบมหาลัยวัวชน แต่หากมีโอกาสจริงๆ ในอนาคต ผมอาจนำเสนอในรูปแบบที่ปรุงแต่งบ้างในแบบของผม โดยคงความเป็นวิถีชาวบ้านและเรื่องจริงเอาไว้ เพื่อจะได้เข้าถึงผู้ชมมากขึ้น” นั่นคือสิ่งที่เขาคิด เขาฝัน และที่สำคัญ กำลังลงมือเรียนรู้อยู่ในชีวิตจริง... เด็กชายติณ หรือ “ภูริภพ ศรีจันทร์” เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๖ (ค.ศ.๑๙๙๓) ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อแม่ทำธุรกิจส่วนตัวแบบครอบครัวเล็กๆ อยู่ในถิ่นกำเนิด ใช้ชีวิตวัยเยาว์เล่าเรียนในถิ่นเกิด กระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนราษฎร์วิทยา หรือ “กวงตง” ชีวิตก็เริ่มโบยบินสู่โลกกว้าง โดยมีโอกาสย้ายไปศึกษาต่อในระดับ High School ถึงระดับปริญญาตรี ที่ Fujian, Xiamen City ประเทศจีน จนจบหลักสูตรปริญญาตรี ในวัย 19 ปี ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาต่อด้านภาษาที่แวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา อีก 3 ปี จากนั้นจึงตัดสินใจกลับมาเมืองไทยอีกครั้งเพื่อบวชทดแทนคุณบิดามารดา เมื่อละจากสมณเพศแล้ว ได้เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่นครซานฟรานซิสโก (San Francisco) ประเทศสหรัฐอเมริกา จนถึงปัจจุบัน ห้วงเวลานี้เองที่ทำให้เด็กหนุ่มค้นพบตัวเองว่า รักที่จะเป็นนักแสดง หรือทำงานด้าน Entertainment เมื่อมีโอกาสไปเรียนการแสดงกับอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ได้เริ่มต้นเส้นทางชีวิตสายบันเทิงจากการแสดงหนังสั้น และ Music เพื่อสะสมประสบการณ์ ด้วยหวังว่าวันหนึ่งจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดง Hollywood อย่างเต็มตัว ตัวอย่างผลงานการแสดงที่ผ่านมาของเขา เช่น Films : Nostradamus Mission 3 (2020) Nostradamus Mission 2 (2019) Beyond the Void (2018) Nostradamus Mission 1 (2018) The Valley (2017) What’s in a Name (2016) The Age Of Adaline (2015), Short Films : Don’t Leave (2017) Hotel Bar (2016), Television : Still in Hollywood (2017) Supernatural (2014) และ Music Video : Ride or Die (2016) Save Laura (2016) “ผมอยากเป็นนักแสดงเพราะเป็นอาชีพที่ท้าทายมาก การเป็นนักแสดงจะต้องมีความรู้หลากหลายด้าน ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และต้อง update ตัวเองตลอดเวลา อาชีพนักแสดงทำให้ผมได้แสดงบทบาทสมมุติในหลายสถานะ ซึ่งในที่สุดทำให้ค้นพบตัวเองว่าชอบที่จะทำอาชีพนี้ มันทำให้ผมมีความสุข” เขาสะท้อนความรู้สึกผ่านการค้นหาตนตนของคนวัยหนุ่ม ขณะที่ยังคงต่อสู้กับชีวิตจริงบนเวทีชีวิตในต่างแดน พร้อมกันนี้ยังเผยถึงปณิธานในใจว่า ความฝันในอาชีพนักแสดงคือการยึดมั่นอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ไม่มีฝันใดสูงเกินที่จะใฝ่ฝัน, ถ้าใจเราสู้” เมื่อฝันแล้ว ก็ต้องทำความฝันให้เป็นจริง คือ การประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ “แต่ความสำเร็จในความหมายของผม ไม่ใช่แค่ตัวผมหรือครอบครัวผม แต่หมายถึงคนไทยทุกคนที่จะสำเร็จไปด้วยกัน ในฐานะที่ผมคือคนไทย และที่สำคัญคือการพิสูจน์ให้ชาวโลกรู้ว่า คนไทยเราก็มีความสามารถในทุกสาขาอาชีพไม่ได้ด้อยไปกว่าคนชาติอื่นๆ เลย” และฝันสุดท้ายที่คนหนุ่มเช่น ติณ - ภูริภพ ศรีจันทร์ วาดหวังไว้ในอนาคตต่อไป คือ การหยิบยื่นโอกาสดีๆ ให้ผู้คนที่บ้านเกิดสุราษฎร์ธานี หรือที่อื่นๆ เช่น การเชิญครูมีชื่อเสียงระดับโลก ไปสอนให้ความรู้แก่เด็กหรือเยาวชนตามสถานที่ต่างๆ เป็นเด็กหรือเยาวชนที่มี “ฝัน” แต่ไม่มี “โอกาส” เพื่อจะได้เดินทางบนเส้นทางของความจริง ถามว่า แล้วเส้นทางชีวิตของคนบ้านๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีใครสักกี่คนที่มี “ฝัน” แล้วสามารถมุ่งมั่นไขว่คว้าเดินไปตามคว้าความฝันได้ ในเมื่อเรื่องเล่ารายรอบตัวยังเต็มไปด้วยเรื่องราวความรุนแรง ความสูญเสีย ความโศกเศร้า หรือแม้กระทั่งการขาด “โอกาส” ที่แท้จริง ไม่ว่าจะเพื่อก้าวย่างออกไปสู่โลกกว้างภายนอก หรือก้าวเดินกลับมาสู่ถิ่นเกิดอย่างทระนง